ผู้บริหารอีคอมเมิร์ซในไทย ‘ชายVSหญิง’ ใครครองแชมป์

ผู้บริหารอีคอมเมิร์ซในไทย  ‘ชายVSหญิง’ ใครครองแชมป์

 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังได้รับความนิยมในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก แต่จะรุ่งหรือร่วงนอกจากรูปแบบการบริการที่จับกลุ่มลูกค้าได้อยู่หมัดแล้ว การบริหารงานภายในบริษัทก็มีความสำคัญ

ผลการศึกษา iPrice Group จากการเก็บข้อมูลโดยการวิเคราะห์ความหลากหลายทางเพศของผู้บริหารทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ C-levels, VP และ Head จาก 15 ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าเป็นเพศชาย 60% ในขณะที่เพศหญิงมี 40%

ขนิษฐา สาสะกุล ผู้วิเคราะห์ผลสำรวจชี้ว่า อาจด้วยการศึกษาข้อมูลนี้เป็นการเก็บข้อมูลผู้บริหารระดับสูงในร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทย ซึ่งบางร้านก็ไม่ได้เป็นอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทยโดยตรง ประกอบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มักทำการตลาดในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้ธุรกิจประเภทนี้เลือกคณะผู้บริหารด้วยเกณฑ์การตัดสินแบบใหม่ไม่มีความแตกต่างทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในขณะที่บางประเภทร้านค้าอีคอมเมิร์ซและบางตำแหน่งก็ยังต้องการเพศชายที่มีความชำนาญงานมากกว่าเพศหญิงเข้ามาบริหารอยู่ เช่น ร้านค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และงานด้านไอที เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อนำข้อมูลการวิเคราะห์ความแตกต่างทางเพศของผู้บริหารระดับสูงในร้านค้าอีคอมเมิร์ซไทยมาจำแนกเป็น 3 ระดับ คือ C-Levels, VP และ Head พบว่า ความแตกต่างทางเพศในแต่ละระดับผู้บริหารมีความแตกต่างกัน

ระดับ C-Levels เช่น SVP, Founders, Co-founders, C-Levels และ Managing Directors เป็นต้น มีเปอร์เซ็นความแตกต่างทางเพศอยู่ที่ ชาย 56% หญิง 44% ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกัน เป็นอีกส่วนที่ยืนยันว่าประเทศไทยเริ่มมีการเปิดรับวัฒนธรรมและแนวคิดของชาวต่างชาติในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น

ระดับ VP ที่เพศหญิงครองตำแหน่ง 1 ต่อ 3 ของข้อมูลทั้งหมด หรือเพศหญิง 34% ต่อเพศชาย 66%

สุดท้ายคือระดับ Head ถือเป็นระดับที่เก็บข้อมูลได้มากที่สุด เพราะแผนกและแผนผังการบริหารที่มีแยกย่อยมากมาย อาทิ Head of department และ Directors เป็นต้น ในส่วนนี้ความแตกต่างทางเพศที่ได้เกือบครึ่งต่อครึ่ง เพศชาย 59% และเพศหญิง 41% และอาจเพราะตำแหน่งผู้บริหารระดับนี้เสมือนเป็นการปูทางสร้างผลงานเพื่อเลื่อนระดับไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้ระดับ Head และ C-Levels มีข้อมูลความแตกต่างทางเพศค่อนข้างใกล้เคียงกัน เนื่องจากถ้าใครได้ตำแหน่งนี้แล้วก็มักจะมีแรงกระตุ้นที่ช่วยผลักดันให้สร้างผลงานเพื่อต่อยอดไปในตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะที่ในประเด็นความแตกต่างทางเพศและเชื้อชาติ จากข้อมูลพบว่าในผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย แบ่งออกเป็นผู้บริหารชาวต่างชาติถึง 33% ถือเป็น 1 ใน 3 ของข้อมูลทั้งหมด

ในขณะที่ผู้บริหารชาวไทยมี 67% แม้จะเป็นจำนวนที่มากกว่าถึงสองเท่า แต่จากส่วนต่างทำให้คาดเดาได้ว่า ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยส่วนใหญ่คำนึงถึงแนวความคิดอันหลากหลายของผู้บริหารแต่ละเชื้อชาติจึงมอบตำแหน่งระดับสูงให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสกุมบังเหียนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

หากนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกออกเป็นความแตกต่างทางเพศและเชื้อชาติผลลัพธ์ที่ได้คือ ผู้บริหารชาวไทยมีเพศหญิงนั่งเก้าอี้มากกว่าเพศชายที่ 51% ต่อ 49%

ในขณะที่ผู้บริหารชาวต่างชาติมีจำนวนเพศชายมากถึง 82% ต่อ 18%

จากข้อมูลดังกล่าวยิ่งกล่าวเสริมความน่าจะเป็นที่ว่า เกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยจะเน้นเรื่องความสามารถเป็นหลัก โดยคำนึงถึงความแตกต่างทางเพศเป็นส่วนน้อย ยิ่งปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์ที่เน้นให้บริการสินค้าด้านแฟชั่น สุขภาพ และความงามมากขึ้นยิ่งทำให้ผู้บริหารเพศหญิงเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย จึงไม่แปลกที่เพศหญิงจะค่อนข้างมีบทบาทในการบริหารร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทย

เมื่อนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกออกเป็น 3 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ Fashion, Electronic และ General พบว่า ร้านค้าในกลุ่ม Fashion มีความแตกต่างทางเพศอยู่ที่หญิง 60% ต่อชาย 40%

ขณะที่ ร้านค้าอีคอมเมิร์ซประเภท Electronic มีอัตราส่วนผู้บริหารเพศชายมีจำนวนมากกว่าเพศหญิงถึง 2 ใน 3 หากคิดเป็นเปอร์เซ็นคือ 70% ต่อ 30%

สุดท้ายคือร้านค้าอีคอมเมิร์ซทั่วไป หรือ General จากข้อมูลที่ได้พบว่ามีผู้บริหารระดับสูงเป็นเพศชายที่ 61% และเพศหญิง 39%

การเก็บข้อมูลดังกล่าวทำขึ้นโดยการวิเคราะห์ความหลากหลายทางเพศของผู้บริหารจาก 15 ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่มีรายชื่ออยู่ใน Map of E-commerce Q1 2018 ของ iPrice ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะจาก Linkedin. โดย iPrice Group แบ่งกลุ่มผู้บริหารระดับสูงออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ C-levels, VP และ Head