'เรืองไกร' ร้องสอบ 'สมยศ' กู้ 300 ล้านจากเสี่ยอ่าง

'เรืองไกร' ร้องสอบ 'สมยศ' กู้ 300 ล้านจากเสี่ยอ่าง

"เรืองไกร" ร้อง "ป.ป.ช." สอบ "สมยศ" กู้เงิน 300 ล้านบาท จากเจ้าของอาบอบนวด ชี้หากไม่เสียดอกเบี้ยเข้าข่ายรับประโยชน์อื่นใดตาม มาตรา 103

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ผ่านนายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ รักษาราชการแทน ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. จากเงินกู้ยืม 300 ล้านบาท ถูกต้องครบถ้วยตามกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ และมีการรับประโยชน์อื่นใดอันฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103 ด้วยหรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ในเรื่องที่ไม่พบเงินที่กู้ยืม 300 ล้านบาทในบัญชีทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สมยศนั้น ตนไม่ติดใจ เพราะจากการชี้แจงว่าเป็นการกู้ยืมในช่วงปี 2558 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่ง สนช.แล้ว และอาจจะมีการยื่นในส่วนของตำแหน่งอื่นที่ไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะได้ ตนจึงไม่ได้ยื่นให้ตรวจสอบในฐานปกปิดทรัพย์สิน แต่ขอให้ตรวจสอบว่าหนี้เงินกู้ 300 ล้านบาท มีการแจ้งต่อ ป.ป.ช.อย่างถูกต้องหรือไม่ หนี้เงินกู้ดังกล่าวมีการทำสัญญากู้ยืมเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ มีการรับเงินและคืนเงินผ่านธุรกรรมทางธนาคารจริงหรือไม่ และการกู้ยืมเงินดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ ได้เสียดอกเบี้ยให้กับนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท ซึ่งเป็นผู้ให้ยืมเงินหรือไม่ เพราะหากไม่มีการเสียดอกเบี้ยก็จะเข้าข่ายได้รับผลประโยชน์อื่นใด ตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และมีโทษตามมาตรา 122 หรือไม่ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นขอให้ส่งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบในประเด็นภาษีจากเงินกู้ยืมดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย