‘เอสซี’ชูลิฟวิ่งโซลูชั่นสานโรดแมพ 3 ปี 6หมื่นล้าน
ในยุคที่ดิจิทัล เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทสร้างความท้าทายในทุกอุตสาหกรรม ทำให้ภูมิทัศน์ของโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป วิธีคิดแบบเดิมเริ่มใช้ไม่ได้ในบริบทใหม่ การดำเนินธุรกิจจึงต้องมุ่งทำงานเชื่อมโยงกับพันธมิตร ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อเป็น ecosystem
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามา disrupt อุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ให้ต้องปรับองค์กรและวิธีคิด พร้อมทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อเกิดโมเดลธุรกิจใหม่นอกจาก “โปรดักท์” และ “เซอร์วิส” ด้วยการสร้าง “แพลตฟอร์มและโซลูชั่น” ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้ดีขึ้น
ดังนั้นเอสซี ได้วางโรดแมพ 3 ปี จากนี้ หรือ วิชั่น 2020 “SC Re-Invention” เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมาย ปี 2563 มียอดขาย 2.4 หมื่นล้านบาท รายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายรวม 3 ปี ระหว่างปี 2561-2563 กว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%
โดยปรับวิธีคิดจากการเป็น “ดีเวลลอปเปอร์” ก้าวสู่การเป็น “ลิฟวิ่ง โซลูชั่น โปรวายเดอร์” (Living Solutions Provider) ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้ดียิ่งขึ้น
ณัฐพงศ์ กล่าวว่าการดำเนินงานตามโรดแมพ 3 ปี อยู่ภายใต้กลยุทธ์ ผ่าน 3D คือ Digitize การปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจากอนาล็อกเป็นดิจิทัล เพื่อจะได้นำดาต้าทั้งในส่วนการทำงานและความต้องการของลูกค้า(insights) มาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อพัฒนาโปรดักท์และเซอร์วิสที่ตอบโจทย์ ด้วยแพลตฟอร์มที่สร้างความสะดวกให้ลูกค้า
Design ใช้หลัก human-centric ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น โดยเริ่มต้น ที่ทำความเข้าใจปัญหา หรือ pain points ในการใช้ชีวิตของลูกค้า และ Develop ประสานนวัตกรรมและพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในทุกระดับราคา
พร้อมกันนี้จะมุ่งทำงานด้าน Co-Creation ร่วมกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย ที่เรียกว่า ลิฟวิ่ง โซลูชั่น แพลตฟอร์ม “รู้ใจ”(Rue Jai)
ปัจจุบันเอสซี ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์หลากหลายเพื่อพัฒนาโฮม โซลูชั่น ครบวงจรให้กับผู้อยู่อาศัย
ทางด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯเพื่อขาย ปี 2561 มีทั้งหมด 19 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
และคอนโด 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท
โดยวางเป้าหมายรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท และทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท โดยปีนี้จะขยายพื้นที่การพัฒนาโครงการไปยัง ฉะเชิงเทรา โดยเล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของเมืองจากเมกะโปรเจค โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยวางเป้าหมายปี 2563 มูลค่ายอดขายแนวราบ กรุงเทพฯ 90% และต่างจังหวัด 10%
นอกจากนี้โครงการแนวราบ สัดส่วน 50% ของโครงการใหม่ปีนี้ จะเป็นแบรนด์ Pave และ Verve ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดแนวราบกลุ่มนี้ในช่วง 3 ปี
ไฮไลต์โครงการใหม่แนวราบในปีนี้ คือรูปแบบ township 2 โครงการ 2 ทำเล บนที่ดินกว่า 100 ไร่ คือบริเวณกรุงเทพกรีฑา กว่า 115 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และ บางกระดี จ.ปทุมธานีกว่า 200 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายครึ่งปีหลัง ทั้ง 2 ทำเลจะทยอยเปิดโครงการที่ละเฟส ในระยะ 3 ปีจากนี้ แต่ละทำเลจะมีประมาณ 7 โครงการในพื้นที่ โดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม หลายระดับราคา
คอนโด ปีนี้เปิดตัว 2 โครงการ คือ Centric รัชโยธิน ทำเลใกล้บีทีเอส สถานีรัชโยธิน 150 เมตร อาคารสูง 21 ชั้น เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เปิดพรีเซล มี.ค.นี้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และโครงการ The Crest สุขุมวิท 23 มูลค่า 2,500 ล้านบาท เปิดขายไตรมาส 4
ปัจจุบันบริษัทมีแบ็คล็อกโครงการมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และเตรียมงบประมาณซื้อที่ดินปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับที่ดินแปลงหลังสวน ขนาด 880 ตร.ว. มูลค่า 2,800 ล้านบาท ที่เอสซีเป็นผู้ประมูลชนะมาด้วยสถิติสูงสุดในขณะนี้ ที่ ตร.ว.ละ 3.1 ล้านบาท
ณัฐพงศ์ กล่าวว่าที่ดินแปลงหลังสวน กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนา โดยบริษัท สโคป จำกัด ซึ่งเอสซี ถือหุ้น 90% โดยทำงานร่วมกับ นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ที่นั่งตำแหน่งซีอีโอ สโคป คาดว่าจะเปิดตัวโครงการช่วงต้นปี 2562 นอกจากนี้ ภายใต้การทำงานของสโคป เตรียมพัฒนาโครงการใหม่แนวสูงในช่วง 3 ปีนี้รวมกว่า 10 โครงการ