'รมว.คลัง'สั่งเร่งศึกษาเงินดิจิตอลรับยังมีความเสี่ยง

'รมว.คลัง'สั่งเร่งศึกษาเงินดิจิตอลรับยังมีความเสี่ยง

"รมว.คลัง" กำชับ "ก.ล.ต. - ธปท." เร่งศึกษาเงินดิจิตอล ชี้หากมีประโยชน์ก็ควรเปิดกว้าง ย้ำ!! หากเสี่ยงก็ต้องมีมาตรการควบคุม

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีบริษัท Jaymart ได้ส่ง บริษัทลูก คือบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ระดมทุน ICO มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 640 ล้านบาท เพื่อระดมทุนต่อสาธารณะ ด้วยจำนวน Token จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาเสนอขาย 0.20 ดอลลาร์ต่อ Token มองว่า เป็นเสมือนกันออกคูปองล่วงหน้า เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้บริการด้านต่างๆ และคูปองดังกล่าวไม่รู้จะนำไปขายต่อหรือได้รับการเชื่อถืออย่างไร นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัจจุบันนักลงทุนสามารถลงทุนผ่านออนไลน์ได้อย่างเสรีใน Bitcoin และสกุลอื่นของต่างชาติ หากมีความเสี่ยงต้องยอมรับเองได้ เพราะตัดสินใจลงทุนเทรดในกระดานต่างชาติ ต้องใช้ความรู้และเงินลงทุนสูง สามารถดูแลตนเองได้แล้ว จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ลงทุน

อย่างไรก็ตาม มองว่า เงินดิจิตอล (คริบโตเคอเร็นซี่) เปรียบเสมือนสินค้าชนิดหนึ่งเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกัน เหมือนกับหอย พุด ด้วง ยุคก่อน แต่เงินดิจิตอลคิดขึ้นมาในยุคนี้เพื่อใช้ตกลงแลกเปลี่ยนกันเอง อย่างเช่น Bitcoin เป็นอีกสกุลหนึ่งที่ได้รับความนิยม จะให้ผลตอบแทนเมื่อขุดหามาได้จากระบบ Blockchain และเมื่อมีคนต้องการจำนวนมากราคาจะปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยง เพราะเป็นช่องในการฟอกเงินจากหลายกลุ่มได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าใครถือบัญชีใดอยู่ จึงต้องการให้ทั้งสำนักงาน ก.ล.ต.และธปท. ศึกษาว่า หากเปิดให้ซื้อขายอย่างเป็นระบบใครได้ประโยชน์ หากมีประโยชน์ทุกฝ่ายก็ควรเปิดกว้างให้เทรดได้ แต่หากมีความเสี่ยงไม่มีประโยชน์ต้องมีมาตรการควบคุม เพื่อลดผลกระทบจากนักลงทุนรายย่อย

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังวันนี้ได้หารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ เพราะขณะนี้หลายปัจจัยบวกเริ่มดีขึ้น ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคของประชาชน การลงทุนภาคเอกชนเริ่มกลับมาทำงานมากขึ้นผ่านการยื่นขอหักลดหย่อนภาษี1.5 เท่าจนเกินเป้าหมาย การลงทุนโครงการของรัฐในปีนี้เริ่มต้นหลายโครงการ และมาตรการช่วยเหลือรายย่อยผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้จีดีพีทั้งปี 60 ขยายตัวร้อยละ 4 มีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 70 - 80 เพราะมีสัญญาณบวกหลายด้านมาสนับสนุน