คุมเข้ม! 'ผู้กองเหน่ง' มือฆ่าผอ.อ้อยขึ้นศาล

คุมเข้ม! 'ผู้กองเหน่ง' มือฆ่าผอ.อ้อยขึ้นศาล

ตำรวจคุมตัว "ผู้กองเหน่ง" ผู้ต้องหาคดีฆ่า "ผอ.อ้อย" จากเรือนจำกันทรลักษ์มาขึ้นศาลครั้งแรก

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 ที่เรือนจำกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ประสานผู้บัญชาการเรือนจำกันทรลักษ์ นำตัวร้อยเอกศุภชัย ภาโส อดีตผู้บัญชาการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี หลังมีหลักฐานเชื่อมโยง พบว่าร้อยเอกศุภชัย มีส่วนในการฆ่า นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่เรือนจำ ได้เปิดประตูเรือนจำ และได้ถอยรถยนต์รับร้อยเอกศุภชัย ผู้ต้องขัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขับออกมา โดยมีรถจาก สภ.กันทรลักษ์ นำขบวน เพื่อรักษาความปลอดภัยไปยังศาลจังหวัดกันทรลักษ์ จากนั้นขับไปส่งผู้ต้องหาด้านหลังประตูส่งผู้ต้องขัง ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไว้อย่างรัดกุม เนื่องจากเกรงว่าญาติ ผอ.อ้อย ไม่สามารถข่มอารมณ์ จนเกิดเหตุความวุ่นวายได้ โดยวันนี้ นายบุญเลิศ นางแหลม อุ่นอ่อน บิดา – มารดา ผอ.อ้อย พร้อมด้วย นายวิทยา เกษแก้ว สามี ผอ.อ้อย นายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นอา ผอ.อ้อย และเพื่อนบ้าน มารอติดตามสถานการณ์ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากรอทำข่าวอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้เห็นร้อยเอกศุภชัย แต่อย่างใด

สำหรับการพิจารณาของศาล ได้เบิกตัวฝ่ายจำเลยทั้ง 4 คน คือ จำเลยที่ 1 อดีตร้อยเอก ศุภชัย ภาโส อายุ 30 ปี อาชีพ รับราชการทหาร ในข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเอาไว้ก่อน กักขัง หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซ่อนเร้น ย้าย ทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย จำเลยที่ 2 นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 3 นายวิทูรย์ ท้าวแก้ว อายุ 39 ปี และจำเลยที่ 4 นายประกรรษวัต คณะพันธ์ อายุ 41 ปี โดยมีข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และรับของโจร ร่วมกันเอาเสียเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ร่วมกันเอาไปเสีย หรือยึดไว้ซึ่งบัตรประชาชน ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม ซึ่งได้มีบรรดาญาติๆ ของ ผอ.อ้อย ยังคอยติดตามผลการพิจารณาอย่างใกล้ชิดที่ศาล

นายบุญเลิศ กล่าวว่า วันนี้ต้องการมาดูหน้าของผู้กระทำผิด แต่ยังไม่ยอมรับผิด เป็นถึงชายชาติทหาร แต่กลับทำให้องค์กรเสื่อมเสีย และยังคงปักหลักรอผลการพิจารณาของศาลอย่างใกล้ชิด