Daily Strategy (7 ธ.ค.60)

Daily Strategy (7 ธ.ค.60)

ภาวะตลาดอึมครึม

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะอ่อนแรงลง จาก (1) ตลาดต่างประเทศในย่านเอเชียปรับตัวลงปิดลดลง แต่ช่วงเช้าเปิดตลาด Nikkei รีบาวด์ขึ้นราว 0.9%-1.2%  แต่เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าประเทศอื่นวานนี้ ดังนั้น วันนี้อาจจะไม่มีแรงรีบาวด์ได้ไกล (2) ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงอาจจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น โดย AWS ประเมินกรอบดัชนีไว้ 1,683 -1,705 จุด คาดว่า SET จะวนเวียนในระดับ 1,700 จุด บวก/ลบ เป็นส่วนใหญ่ แต่แนวรับ 1,683 จุด หากลงมาทดสอบระดับดังกล่าวแล้วรีบาวด์กลับขึ้นไป แนวรับทางเทคนิคที่ระดับนี้แข็งแกร่งขึ้น และมีโอกาสที่ SET จะปิดในเดือน ธ.ค.ได้ในระดับที่ดีกว่า 1,729  จุดของปีนี้ สถานการณ์ตลาดหุ้น เริ่มกลับมาปั่นป่วนเนื่องจากแนวนโยบายของทางการสหรัฐฯ ที่น่ากังวลในหลายเรื่อง ได้แก่ Tax Reform, Government Shutdown, ปรับขึ้น Fed Funds Rate และเรื่องล่าสุดคือสถานการณ์ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับตะวันออกกลาง แต่ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการคาดหวังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ แนะนำนักลงทุนรอเข้าซื้อหนักช่วง  12-13 ธ.ค. โฟกัสหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เน้น BBL, KBANK, TMB, TCAP อสังหาริมทรัพย์ แม้ราคาอ่อนตัวทยอยเข้าซื้อ ANAN, SIRI, LH, และ SC หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เรายังชอบ PTT, BANPU, IVL และ IRPC และเลือก TU เป็น Defensive Stock กรณีที่มีแรงขายหนักในตลาดรวม และตลาดอ่อนแอ

 

หุ้นเด่นวันนี้: TMB(ราคาปิด 2.94บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 3.20 บาท)

  • เราคาดสินเชื่อ TMB จะเร่งตัวเติบโต 10% ในปี 61 ซึ่งเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 5 ปี จากประมาณการ 7% ในปี 60 หนุนโดยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เราคาดอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) จะอยู่ที่ 5% ก่อนจะลดระดับมาที่ 2.35% ในปี 61 เราคาดกำไรสุทธิของธนาคารจะเติบโต 5.3% ในปี 60 และ 22.6% ในปี 61 เราคาด ROE ปี 61 จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 11.1% จาก 9.9% ในปี 60
  • Price Pattern ของ TMB มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TMB มีแนวต้านหลักอยู่ที่ 94 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ TMB มีความแข็งแกร่งมากพอ โดยสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 2.94 บาทไปได้ นี่จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2557 โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 3.22 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 3.56 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ TMB มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.78 บาท (Resistance: 2.96, 2.98, 3.00; Support: 2.92, 2.90, 2.88)

 

ปัจจัยในประเทศ:

  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออกปรับคาดการณ์ส่งออกปีนี้ขึ้น เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-9% จากเดิม 8% และคาดส่งออกปี 61 จะขยายตัว 5% หนุนโดยเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาดู เช่น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกไทยได้ (ผู้จัดการออนไลน์)
  • หวั่นเงินบาทแข็งกระทบส่งออก :ภาคเอกชนได้ออกมากล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือนซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวตลอดจนเศรษฐกิจไทยโดยรวม(Bangkok Post)
  • KTB (ราคาปิด 40 บาท; ถือ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 20.00 บาท) ตั้งเป้าลดจำนวนหนี้เสียในปีนี้ลงจากระดับปัจจุบันที่ 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารคาดสินเชื่อในปี 60 จะเติบโตเพียง 1% ซึ่งต่ำคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 4-6% (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ถึงแม้ปัจจุบันหุ้น KTB จะซื้อขายในค่า PBV ปี 61 ที่ถูกเพียง 0.8 เท่า แต่เรายังแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร เราคงคำแนะนำ “ถือ”

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปิดลบ (6 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 3% อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaqปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกรณีที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบร่วง: (WTI ปิด 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.9%; Brent ปิดที่ 61.22 ดอลลาร์/บาร์เรล; ลดลง 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6%)หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลงก็ตาม
  • ราคาทองคำปรับขึ้น: (ปิด 1,266.10 ดอลลาร์/ออนซ์; เพิ่มขึ้น 20 ดอลลาร์ หรือ 0.09%)หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลมทำให้เกิดความวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลางขึ้นอีก
  • ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index เพิ่มขึ้น 4 จุด หรือ 24% ปิดที่ 1,670 จุด ดัชนี BDI เดินหน้าบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 13 และปิดเหนือระดับ 1,600 จุดได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 57 เป็นบวกต่อ TTA และ PSL