รวบ! โชเฟอร์แท็กซี่ลักทรัพย์นักกีฬาชาวใต้หวันสูญ 2 แสน

รวบ! โชเฟอร์แท็กซี่ลักทรัพย์นักกีฬาชาวใต้หวันสูญ 2 แสน

ตร.-จนท.สนามบินสุวรรณภูมิรวบโชเฟอร์แท็กซี่ลักทรัพย์นักกีฬาชาวใต้หวันสูญ 2 แสน หลังหนีซุกห้องเช่าย่านบางบอน อ้างผู้โดยสารลืมติดต่อคืนไม่ได้ (มีคลิป)

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากล้องวงจรปิดภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถบันทึกภาพสองนักกีฬาฮอกกี้ชาวไต้หวัน ในขณะที่กำลังเดินมากดบัตรคิวเพื่อขึ้นรถแท็กซี่สาธารณะของสนามบินสุวรรณภูมิ และเรียกใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะจากสนามบิน ไปส่งยังโรงแรมย่านห้วยขวาง โดยผู้เสียหายทั้งสองมีกระเป๋าสัมภาระมาหลายใบซึ่งในกระเป๋ามีทรัพย์สินเก็บอยู่ภายในหลายอย่าง เช่น กระเป๋าแบรนเนม เงินสดสกุลต่างๆ รวมถึงทรัพย์สินมีค่ารวมมูลค่าเกือบ 2 แสนบาท ที่คนขับแท็กซี่นำไปใส่ไว้บริเวณท้ายรถ หลังแท็กซี่คันดังกล่าวไปส่งผู้เสียหายทั้งสองที่โรงแรมย่านห้วยขวาง แล้วไม่ได้เอากระเป๋าสัมภาระที่เก็บอยู่ท้ายรถลงให้ผู้เสียหายทั้งสอง แต่กลับขับรถออกไปจากหน้าโรงแรมทันที

ตั้งแต่เกิดเหตุวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนขับรถแท็กซี่ไม่ได้มีการติดต่อหรือนำทรัพย์สิน มาคืนผู้เสียหายแต่อย่างใด ผู้เสียหายทั้งสองจึงได้นำหลักฐานเป็นสลิปการใช้บริการแท็กซี่คันดังกล่าว เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ก่อนจะมีการประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอให้ช่วยติดตามทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสองคืน และจากการตรวจสอบหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมามอบให้พบว่าแท็กซี่คันดังกล่าวมีนาย คัมภีร์ หงส์สระคู อายุ 45 ปี เป็นคนขับ และผู้เสียหายทั้งสองชี้ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับที่ขับรถไปส่งตนที่โรงแรม เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังติดตามจับกุมนายคัมภีร์ โชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวเอาไว้ได้ในขณะที่จอดรถรอคิวรับผู้โดยสารอยู่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนคุมตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจ

จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายคัมภีร์ ยังให้การปฎิเสธอ้าง ไม่รู้ไม่เห็นทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสอง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐานใบสลิปการเรียกใช้รถแท็กซี่จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเอาไว้ได้มาแสดงให้นายคัมภีร์ ดูนายคัมภีร์ ถึงกับมีการใบหน้าถอดสี ประกอบกับผู้เสียหายชาวไต้หวั่นทั้งสองได้ออกมาชี้ยืนยันด้วยว่าเป็นคนที่ขับรถแท็กซี่ไปส่งตนทั้งสองที่หน้าโรงแรม นายคัมภีร์ จึงยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ตนเก็บกระเป๋าสัมภาระไปจริงและเปิดดูพบว่ามีกระเป๋าแบรนเนมและเงินสดจำนวนมากตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้จริง โดยทรัพย์สินทั้งหมดตนได้เก็บเอาไว้ที่ห้องพักย่านเอกชัยบางบอน พร้อมอ้างว่า ไม่รู้ว่าจะติดต่อผู้เสียหายได้อย่างไร จึงเก็บทรัพย์สินดังกล่าวไว้ในห้องพักเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมา

เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงพาตัวนายคัมภีร์ ไปทำการตรวจค้นที่ห้องพัก พบว่าทรัพย์สินและกระเป๋าสัมภาระของผู้เสียหายทั้งสองถูกเก็บอยู่ในห้องพักของนายคัมภีร์ จริงจึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ และควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม แต่เหตุเกิดในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ห้วยขวาง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการรับเรื่องไว้ในเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งตัวนายคัมภีร์ ผู้ต้องหารายนี้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง มารับตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฝากถึงผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะว่า การเข้าใช้บริการตามจุดที่ทางสนามสุวรรณภูมิกำหนดไว้นั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้โดยสาร เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมินั้น มีระบบการรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีสูง ทั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงระบบบัตรคิวอัตโนมัติที่จะระบุหมายเลขทะเบียนและห้วงเวลาวันที่ของรถแท็กซี่ที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ซึ่งรถแท็กซี่ทุกคันที่เข้าสู่ระบบนั้นจะมีการลงทะเบียนคนขับไว้อย่างชัดเจน เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบภายหลัง จึงอยากฝากไปยังผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ทุกท่านขอให้เก็บใบสลิปบัตรคิวไว้ หากเกิดการหลงลืมทรัพย์สินใดๆไว้ในรถแท็กซี่หรือถูกเรียกเก็บค่าโดยสารไม่เป็นธรรม สามารถนำสลิปดังกล่าวมาเป็นหลักฐานแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสะดวกในการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว