Daily Market Outlook (23 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (23 ส.ค.60)

มุมมองบวกอย่างระมัดระวัง

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ตามทิศทางความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่พุ่งขึ้นในตลาดโลกจากคำกล่าวของผู้นำรัฐสภาสหรัฐที่เป็นบวกอย่างมากในประเด็นการออกกฎหมายลดภาษี และการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐ นักลงทุนทั่วโลกจับตาคำแถลงของเจเน็ต เยลเลนในวันศุกร์ แต่ประชาชนชาวไทยต้องจับคำพิพากษาของศาลกรณีอดีตนายกยิ่งลักษณ์ในคดีโครงการพยุงราคาข้าวที่อาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมขึ้นรอบใหม่ แม้ว่าเราเชื่อว่ารัฐบาล คสช.จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด

หุ้นเด่นวันนี้ GUNKUL(ราคาปิด 3.94 บาท; NR; IRR Consensus Bt5.25)

เราเลือก GUNKUL เป็น Pick of the day หลังจากที่หุ้นปรับตัวลง 13% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มของบริษัทยังคงดี มีเพียงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องสภาพคล่องทางการเงินที่เกิดขึ้นกับบริษัทในลักษณะเดียวกับ GUNKUL และวิตกว่าGUNKUL จะมีปัญหาเดียวกันแต่หลังจากที่ GUNKUL มาออก Opportunity Day บริษัทฯไม่มีปัจจัยพื้นฐานเลวร้ายลงแต่อย่างใด และยังมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโต 30% YoYเป็น4.3 พันล้านบาท ขณะที่รายได้งวด 1H60 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทเติบโต 53% YoY(ที่มาของรายได้มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง 25% รับเหมาก่อสร้าง 40% และธุรกิจผลิตไฟฟ้า 35%) กำไรสุทธิงวด 1H60 เท่ากับ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoYอัตรากำไรขั้นต้นงวด 1H60 ของ GUNKUL เท่ากับ 33% ธุรกิจผลิตไฟฟ้าสร้างอัตรากำไรขั้นต้นถึง 67% ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 172เมกะวัตต์ คาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 232 เมกะวัตต์ และกลางปี 2561 จะเพิ่มเป็น 282 เมกะวัตต์ และปลายปี 2561 คาดว่าเพิ่มเป็น 350-390 เมกะวัตต์ และมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งของพลังงานไฟฟ้าทดแทนเป็น 1,190 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 แยกเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่น 46% เวียดนาม 24% ไทย 17% และมาเลเซีย 13% ส่วนงานรับเหมาก่อสร้างนั้นบริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เช่น โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน งานก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำระบบ 33 KV ไปยังเกาะพระทอง จังหวัดพังงา ปัจจุบัน Backlog ในมือ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะได้งานประมูลเพิ่มอีกราว 2.6 พันล้านบาทภายในปีนี้ IAA consensus คาดการณ์ EPS ปี 2560 เพิ่มขึ้น 9%YoYเป็น 0.13บาท และปี 2561 เพิ่มขึ้น 69% เป็น 0.22 บาท ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท ยังมี Upside 34% Price Pattern ของ GUNKUL แม้ว่าจะมีแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal แต่ Price Pattern ของ GUNKUL กลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal และหาก Price Pattern ของ GUNKUL สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 3.90 บาท ก็จะมีความแข็งแกร่งในระยะกลางเพิ่มเข้ามาจากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GUNKUL มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 4.20 บาท ทั้งนี้ GUNKUL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 3.76 จุด (Resistance: 3.98, 4.04, 4.12; Support: 3.92, 3.86, 3.78)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• การพิจารณาคดีรับจำนำข้าวของอดีต นรม. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ ถือเป็นคำตัดสินที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรอคอยมานาน คำตัดสินดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญสำหรับคดีความทางการเมืองในอนาคต แต่อาจนำมาซึ่งความตึงเครียดและความขัดแย้งในสังคม ทั้งนี้ อดีต นรม. ยิ่งลักษณ์ อาจต้องโทษจำคุก 10 ปีหากพบว่ามีความผิด อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ารัฐบาลทหารสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 เช่นเดียวกับกรณีธรรมกายเมื่อต้นปีนี้ (AWS)

• ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน สัญญาแรก มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ซึ่งครอบคลุมขั้นตอนการออกแบบและวางแผนโครงการ (Post Today)

• จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 50% หลังเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงิน ตั้งแต่มีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงินเมื่อวันที่ 11 ส.ค. จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 50% โดยมีจำนวนผู้โดยสารสูงสุด 50,000 รายต่อวันจากก่อนหน้านี้ที่ 33,000 รายต่อวัน เทียบเท่าจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 47,000 รายต่อวัน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 32% (โพสต์ทูเดย์)

• เม็ดเงินโฆษณาปี 60 คาดว่าจะลดลง สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยระบุว่ามูลค่าการใช้สื่อโฆษณาในปีนี้คาดว่าหดตัว 11% หลังจากตัวเลขในครึ่งปีแรกลดลง 5% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า (ไทยโพสต์)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนรอฟังการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ว่าธนาคารกลางอันดับต้น ๆ ในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.2% จาก 2.18% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันอังคาร หลังจากที่ร่วงลง 2 วันติดต่อกัน โดยได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินยูโรหลังจากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปซึ่งอ่อนแอกว่าที่คาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดบวก 0.5% ที่ระดับ 93.549 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันอังคาร เนื่องจากความเห็นเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีและการขยายเพดานหนี้หนุนตลาดในทางบวก โดยที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่าแผนปฏิรูปภาษีน่าจะผ่านความเห็นชอบง่ายกว่าแผนร่างกฎหมายยกเครื่องประกันสุขภาพ เนื่องจากสมาชิกรีพับลิกันมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ในขณะที่นายมิตช์ แม็คคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภากล่าวว่า “มีโอกาสเป็นศูนย์" ที่สหรัฐฯ จะล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้ในเดือนกันยายน ปัดเป่าความกังวลว่าอเมริกาอาจเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้ หลังจากที่ดิ่งลงใน 3 วันก่อนหน้า หนุนโดยผลการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะ BHP Billiton และ Antofagasta ขณะที่หุ้น Provident Financial ร่วงเพราะผลการดำเนินส่งสัญญาณไม่ค่อยดีนัก (Reuters)

• กำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ของบริษัท MSCI ยุโรปโต 24% YoYโดยมีประมาณ 87% ของบริษัททั้งหมดที่ได้รายงานผลการดำเนินงานไปแล้ว และมากกว่า 60% ของบริษัทเหล่านี้แสดงกำไรสุทธิที่ดีกว่าคาดหรือเป็นไปตามคาด (Thomson Reuters)

• ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันลดลงในเดือน ส.ค. ผลสำรวจของ Zew Research Institute เผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ส.ค.ลดลงอยู่ที่ 10 จาก 17.5 ในเดือน ก.ค. ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 15 (Reuters)

เอเชีย:

• การขยายตัวของภาคการผลิตของญี่ปุ่นส่งสัญญาณขยายตัวเร็วขึ้นในเดือน ส.ค.: ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 52.8 เพิ่มขึ้นจาก 52.1 ในเดือนกรกฎาคม (IHS Markit)

• ตลาดหุ้นฮ่องกงจะเลื่อนเวลาเปิดทำการในเช้าวันพุธ เนื่องจากไต้ฝุ่นฮาโต โดยมีการยกเลิกเที่ยวบินและบริการขนส่งอื่นๆ จำนวนมาก ในขณะที่โรงเรียนและธุรกิจส่วนใหญ่ในเขตศูนย์กลางการเงินคาดว่าจะปิดทำการทั้งวัน(Reuters)

• สหรัฐฯ กำลังออกมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัทและบุคคลในจีนและรัสเซียที่สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ รวมทั้งการค้าขายพลังงานและช่วยเหลือหน่วยงานของเกาหลีเหนือให้เข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศและสหรัฐฯ (Reuters)

• ธนาคารพาณิชย์ของรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในจีนกำลังระดมทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเงินสำหรับโครงการ "One Belt, One Road" อันเป็นความทะเยอทะยานที่จะฟื้นฟูเส้นทางการค้าสายไหม (Silk Road) ในอดีตรวมทั้ง เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินหยวนให้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมากขึ้นด้วย(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันปรับขึ้นวานนี้ หนุนโดยการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 21 เซนต์ (+0.5%) อยู่ที่ 51.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับขึ้น 27 เซนต์ (+0.6%) อยู่ที่ 47.64 ดอลลาร์ (Reuters)

• ราคาทองร่วง กดดันโดยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารกลางหลายๆ แห่งในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.4% อยู่ที่ 1,285.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองล่วงหน้าลดลง 0.4% อยู่ที่ 1,291 ดอลลาร์ (Reuters)