‘เอสซี’ส่ง‘เวิร์ฟ’รุกตลาดบ้านต่ำ3ล้าน

‘เอสซี’ส่ง‘เวิร์ฟ’รุกตลาดบ้านต่ำ3ล้าน

เอสซี แอสเสท ปั้นแบรนด์ใหม่ทาวน์โฮม “เวิร์ฟ” เปิดตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จับโอกาสดีมานด์ใหญ่แนวราบ แจงยอดขายครึ่งปีแรก 7,493 ล้านบาท โต 44%

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เวิร์ฟ” ทาวน์โฮม ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ถือเป็นโครงการแรกของเอสซีฯ ซึ่งไม่เคยทำตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทมาก่อน  พบว่าทาวน์โฮมมีสัดส่วนในตลาดกว่า 40% ของแนวราบ จึงเห็นโอกาสเข้าไปชิงกำลังซื้อกลุ่มดังกล่าว

“มองว่าดีมานด์บ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทน่าสนใจ เพราะเป็นโครงการแนวราบตลาดใหญ่ ที่มีดีมานด์จริง เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียม” 

ทั้งนี้ จะเปิดตัวทาวน์โฮม 2 ชั้น แบรนด์ “เวิร์ฟ “โครงการแรกช่วงไตรมาส4  ทำเลเพชรเกษม81 ขนาดที่ดิน 18 ไร่ จำนวน 180 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 460 ล้านบาท วางเป้าหมายเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่  มองว่าโครงการแนวราบจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องยอดโอนมากขึ้น โดยใช้โมเดลสร้างบ้านเสร็จก่อนขายและบ้านสร้างเสร็จเร็วที่มีความเสี่ยงต่ำ

ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดตัว โครงการแนวราบ รวม 9 โครงการ มูลค่า 11,450 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์ต่างๆ ประกอบด้วย โครงการเดอะ เจนทริ พระราม9 ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 30 ล้านบาท คอนเซปต์บ้านในเมือง หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวเดอะ เจนทริ แล้ว 2 โครงการ ทำเลสุขุมวิท 101 และรามคำแหง ซอย9 

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด ทำเลรังสิต สาทร-ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์ –รัตนาธิเบศร์ รวมถึงรามอินทรา –วงแหวน เริ่มต้นยูนิตละ 6-20 ล้านบาท แบรนด์เพฟ รามอินทรา –วงแหวน ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 4 ล้านบาท แบรนด์เวิร์คเพลส แจ้งวัฒนะ ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 9 ล้านบาท และเวิร์ฟ เพชรเกษม81ส่งผลให้ปีนี้มี  44 โครงการ มูลค่า 44,135 ล้านบาท

“ปีนี้เชื่อว่าบ้านเดี่ยวจะมีจำนวนโครงการเปิดตัวลดลงจากปีก่อน แต่กลุ่มทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม เปิดตัวใหม่เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นไซเคิลของแนวราบว่าถ้าปีไหนเปิดตัวน้อย ปีถัดไปจะขายดี”

ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท สัดส่วน 15% ของโครงการแนวราบ 

สำหรับภาพรวมยอดปฏิเสธสินเชื่อธนาคาร(รีเจ็กต์)ของบริษัทเฉลี่ย 20% แต่เฉพาะกลุ่มบ้านราคา 3-5 ล้านบาท อยู่ที่ 13-14% ถือว่ายังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับยอดรีเจ็กต์ในตลาดที่สัดส่วนราว 30% ขึ้นไป 

ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ มีผลต่อการปฏิเสธสินเชื่อ แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในช่วงไตรมาส1 ลดลงเหลือ 78.6% แต่สินเชื่อกลุ่มที่อยู่อาศัยยังขยายตัวต่ำ สวนทางกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 3.23% ทำให้ธนาคารเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

นอกจากการพัฒนาและเปิดตัวโครงการใหม่ๆแล้ว ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมพัฒนาเรื่องการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริการรองรับ human –centric ที่เป็นรูปแบบไอโอที สมาร์ทโฮม ผ่านแพลตฟอร์ม “รู้ใจ” เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่บริษัทพัฒนาร่วมกับเอไอเอส ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ เพราะเห็นถึงโอกาสของตลาดไอโอทีที่จะขยายตัวอย่างมาก ในอีก 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รวมกว่า 2 หมื่นล้านชิ้น จากในปี2558 ที่มีจำนวน 5,000 ล้านชิ้น

สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 7,493 ล้านบาท เติบโต 44% จากยอดขายแนวราบ 4,491 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% ที่เหลือมาจากยอดขายคอนโด 3,002 ล้านบาท เติบโต 137% 

ปีนี้ยังคงเป้ายอดขายรวม 16,000 ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 14,800 ล้านบาท ส่วนภาพรวมสินค้าเหลือขายพร้อมโอน ปัจจุบันมีมูลค่า 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 4,000 ล้านบาท และคอนโด 3,000 ล้านบาท สำหรับงบที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการวางไว้ 9,000 ล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วง 2 ปีจากนี้