‘สบู่สะเดา’รางวัลโลกแบ็คอัพ

‘สบู่สะเดา’รางวัลโลกแบ็คอัพ

7 รางวัลจาก 3 ผลิตภัณฑ์จากโครงการประกวดและแสดงผลงานนานาชาติ ด้านการประดิษฐ์และเทคโนโลยีนวัตกรรม ครั้งที่ 20 ณ กรุงมอสโคว์ รัสเซีย เป็นรางวัลระดับโลกล่าสุดของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก แบรนด์เซนย่า ย้ำให้รู้ว่า เดินมาถูกทาง

สำหรับสินค้าเมดอินไทยแลนด์แบ็คอัพด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม


“ใบสะเดาแก่” ของเหลือทางการเกษตรถูกสกัดดึงสารสำคัญออกมาเป็นส่วนผสมในสบู่ อ้างอิงสูตรจากตำรายาโบราณถึงสรรพคุณด้านการบรรเทาอาการผดผื่นผิวหนังอักเสบ สำหรับแก้ปัญหาให้กับตัวเองแล้วขยายสเกลการผลิตจนกลายเป็นสินค้าส่งออก


โจทย์จากประสบการณ์จริง


“ระหว่างการเดินทางไปออกบูธแสดงสินค้าที่อิตาลี ด้วยอากาศเย็นและแห้งทำให้ลูกสาวเกิดผื่นคันที่ข้อพับแขน คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นผื่นผิวหนังอักเสบต้องรักษาด้วยยาทาซึ่งมีส่วนผสมของสเตียรอยด์” วิตราภรณ์ พิมพลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบลสท์ โพรดักส์ ออฟ เอเชีย จำกัด กล่าว


เธอวิตกมากถึงผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ จึงมองหาวิธีอื่นทดแทน โดยคิดว่าในอดีตที่ยังไม่มียาสเตียรอยด์ คนไทยใช้อะไรรักษา กระทั่งพบว่า “สะเดา” เป็นพืชที่ทั้งคนไทยและคนอินเดียนิยมใช้รักษาโรคผิวหนัง โดยตำใบสะเดาให้ละเอียดแล้วนำมาพอก แต่ลูกสาวกลัวทั้งสีสัน กลิ่นและเนื้อสัมผัส จึงนำมาสู่การสกัดดึงสารสำคัญออกมาใช้เป็นส่วนผสมในสบู่ เน้นไม่มีส่วนผสมของเคมีอันตรายสำหรับใช้เอง ต่อมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในปี 2558


จากสบู่ก้อนผสมสารสกัดสะเดา ก็ขยายไลน์เป็นสบู่เหลวและเกลือหอมสำหรับแช่ตัวและเท้า มุ่งกลุ่มเป้าหมายผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง ในช่วงแรกไม่ได้ทำการตลาดใดๆ อาศัยการบอกต่อจนเป็นที่รู้จัก ที่สำคัญ วิตราภรณ์พบว่า กลุ่มเป้าหมายที่ตอนแรกคิดว่าเป็นตลาดเล็กนั้น กลับมีจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ


แม้เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก 100% แต่ยังต้องการข้อมูลทางวิชาการมารองรับเพื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการก้าวสู่ตลาดสากล จึงร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ทำวิจัยใน 2 ส่วน คือ การวิจัยหาความเข้มข้นของสารนิมบินจากสะเดาที่เหมาะสมเพื่อมาตรฐานในการผลิต และการวิจัยทางคลินิกในการใช้ผลิตภัณฑ์สะเดาในผู้ป่วยโรคผิวหนัง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการและคาดว่าในช่วงปลายปี 2560 ผลการรับรองจะแล้วเสร็จ


“จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการพบว่า สะเดามีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพทั้งในใบและเม็ดที่ชื่อว่า นิมบิน (Nimbin) ที่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราจึงสนใจที่จะนำใบสะเดามาใช้ และพบว่า ฟาร์มปลูกสะเดาออร์แกนิกจะใช้เม็ดไปบีบทำน้ำมันหรือหมักเป็นปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงชีวภาพอยู่แล้ว แต่ใบแก่ที่ต้องตัดทิ้งก็มีสารนิมบินเช่นกัน จึงนำมาเป็นวัตถุดิบหลักและทำให้ของเหลือทิ้งทางการเกษตรมีมูลค่าให้กับเกษตรกรอีกด้วย”


ก้าวสำคัญบนเวทีโลก


ความบังเอิญที่พยายามเสิร์ชหาความรู้เกี่ยวกับสะเดา ทำให้พบผู้เชี่ยวชาญด้านสะเดา รศ.อัญชลี สงวนพงษ์ ที่แนะนำให้ส่งผลิตภัณฑ์ไปประกวดบนเวทีนวัตกรรมนานาชาติ ณ กรุงวอร์ซอร์ โปแลนด์ (IWIS2016) ปรากฏว่า ได้รับมา 6 รางวัลจาก 3 ผลิตภัณฑ์ คือ สบู่ก้อนและสบู่เหลวจากสะเดา และเกลือหอมสำหรับแช่ตัว/เท้า


“ระหว่างนั้นได้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อื่นจากสะเดา ได้แก่ แชมพูและเบบี้บาล์ม ประสบความสำเร็จจากเวทีระดับโลกเช่นกัน ทำให้เชื่อมั่นศักยภาพสมุนไพรไทย จึงมองหาสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งรวมถึงกานพลูที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก นำมาสู่การพัฒนาต้นแบบยาสีฟันและเกลือบ้วนปาก ซึ่งก็ได้รับรางวัลจาก International Invention Design Competition (IIDC) 2016 ที่ฮ่องกง และคว้าอีก 4 รางวัล


วิตราภรณ์ กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแบรนด์เซนย่าที่มีโอกาสร่วมงานแฟร์ต่างประเทศและส่งออกไปในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ อังกฤษ ส่วนฮ่องกงอยู่ระหว่างการเจรจา


ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายหลักอยู่ในไทย 70% ต่างประเทศ 30% และในปี 2561 สัดส่วนการส่งออกจะมากขึ้นจากการออกงานแฟร์ต่างประเทศ และที่สำคัญคือ การร่วมมือทำวิจัยกับสถาบันการศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีข้อมูลทางวิชาการมารองรับ พร้อมวางแผนขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกด้วย