แก้บัตรทอง! รมว.สาธารณสุขถูกกดดัน 'ไก่อู'ขอโทษจับประเด็นผิด
ปมร้อนแก้กม.บัตรทอง! "พล.ท.สรรเสริญ" ขอโทษรมว.สาธารณสุข ยอมรับจับประเด็นผิด เหตุแถลงอ้างคำพูดลดค่าซื้อยาของ "สปสช." เอางบให้ "เอ็นจีโอ"
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ยืนยันว่าการแก้ไขมีประเด็นที่แตกต่างจากฉบับเติม 14 ประเด็น ไม่มีประเด็นใดส่งผลกระทบต่อสิทธิหรือสวัสดิการการดูแลประชาชนให้ลดน้อยถอยลง ประชาชนทุกคนยังจะได้รับการบริการจากรัฐเหมือนเดิมตามกฎกติกาของบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค โดยใน 14 ประเด็นนี้มุ่งไปที่การแก้ไขการบริหารจัดการขององค์กร ทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
“แต่เมื่อ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผมได้ชี้แจงว่า เมื่อแก้ไขกฎหมายแล้วการซื้อยาของ สปสช. ในจำนวนมากจะได้ราคาที่ลดลง ซึ่งราคาที่ลดลงนี้จะสนับสนุนบทบาทภารกิจของ NGO ที่ร้องขอมา ส่งผลให้เมื่อวานนี้รมว.สธ.ได้โทรมาคุยกับผม พร้อมเรียนเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรี โดย รมว.สข. ยืนยันว่าไม่ได้พูดว่า เมื่อซื้อยาที่ได้ลดราคาแล้ว จะนำเงินไปสนับสนุนงานของ NGO ผมได้ฟังเรื่องนี้จากหลายคนเพราะเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ จึงเป็นการจับประเด็นที่ผิดพลาดของผมเอง จนทำให้คำนี้เหมือนจะออกมาจากปากของ รมว.สาธารณสุข และท่านก็ได้รับผลกระทบถูกกดดันพอสมควร จึงขออภัยที่ทำให้ได้รับผลกระทบด้วย” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า เวทีประชาพิจารณ์ที่มีปัญหานั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าอย่างไร พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า รมว.สาธารณสุขยังไม่ได้ระบุถึงแนวทางต่อไป ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ และรัฐบาลเองก็ไม่ควรออกความคิดเห็นอะไรมาก เพราะจะกลายเป็นการตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้น จึงต้องรอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้คิดแก้ไขปัญหา ด้วยวิธีการของตัวเอง พร้อมทำความเข้าใจต่อประชาชน ซึ่งสุดท้ายรัฐบาลจะต้องฟังผลการทำประชาพิจารณ์ว่าความเห็นของประชาชนทั่วประเทศนั้นมีความเห็นใดบ้างที่จะต้องนำมาปรับแก้ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนการล้มเวทีประชาพิจารณ์ในหลายภาค ขอเรียนว่าเวลานี้เรากำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็พ การเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย แม้ว่ารัฐบาลนี้จะไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตย แต่เราพร้อมจะรับฟังความเห็น จึงขอวิงวอนไปยังทุกภาคส่วนว่าเมื่อเปิดเวทีประชาพิจารณ์หรือให้ข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ ทุกคนมีสิทธิเห็นต่าง สามารถนำเสนอได้ในมุมของตัวเอง แต่ไม่ควรจำกัดสิทธิของผู้อื่นและคิดว่าการล้มเวทีประชาพิจารณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรจะต้องยึดบรรทัดฐานของกฎหมายเป็นหลัก
เมื่อถามว่า รัฐบาลมองว่าการพยายามล้มเวทีประชาพิจารณ์เป็นคนกลุ่มใด ใช่กลุ่มNGO ที่เสียประโยชน์หรือไม่ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่กล้าบอกว่าเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในพื้นที่ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว จึงขอฝากผู้ที่กระทำการว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินเนินการไปตามกระบวนการกฎหมาย