"ไวตามิ้ลค์" ลงทุนใหญ่รอบ 20 ปี ทุ่ม 4 พันล.ขยายกำลังผลิต30%

"ไวตามิ้ลค์" ลงทุนใหญ่รอบ 20 ปี ทุ่ม 4 พันล.ขยายกำลังผลิต30%

ไวตามิ้ลค์ ขานรับเทรนด์สินค้าสุขภาพ เดินหน้าลงทุนสร้างโรงงานใหม่ มูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตสินค้า 30% เดินเครื่องผลิตเดือนนี้ ผลักดันยอดขายเติบโต 5-8% ต่อเนื่อง

นายประจวบ ตยาคีพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสายงานรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์และน้ำอัดลมกรีนสปอต เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองไวตามิลค์ แบรนด์ไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกาภายในปี2563 จึงได้เดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ20ปี ด้วยการทุ่มงบประมาณเกือบ 4,000ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตนมถั่วเหลืองบนเนื้อที่80ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งจะเดินเครื่องการผลิตภายในเดือนนี้้

ทั้งนี้ การเดินเครื่องผลิตดังกล่าว จะทำให้เพิ่มกำลังการผลิตนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เพิ่มอีก30%จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่450-500ล้านลิตรต่อปีจากกำลังการผลิต3โรงงานในประเทศไทย และต่างประเทศ

“ถือเป็นการลงทุนใหญ่ในรอบหลายปี ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเรามองเทรนด์ผู้บริโภค มองโอกาสตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมในการผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพตอบสนองความต้องการตลาด"

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญเมื่อลงทุนเครื่องจักรมูลค่ามหาศาลจะต้องมีความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าได้หลากหลาย ไม่ใช่ผลิตสินค้าตัวเดียวตลอด ขณะเดียวกันบริษัทก็มีเป้าหมายจะผลักดันให้ยอดขายเติบโต 5-8% ต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่เป็นผู้นำตลาดนมถั่วเหลืองในเอเชียและอาฟริกา

นายประจวบ กล่าวว่า การลงทุนใหม่ดังกล่าว ยังเป็นการเตรียมพร้อมกับการผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยภายใน3-5ปีข้างหน้า บริษัทมีเป้าหมายจะปรับสูตรสินค้าเพื่อสุขภาพทั้งหมด และมุ่งให้ได้รับตราสัญลักษณ์“ทางเลือกสุขภาพ”เป็น 9 รายการ (เอสเคยู) จากปัจจุบันมี7รายการ และล่าสุดเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดตัวไวตามิ้ลค์นมถั่วเหลืองสูตรกลมกล่อม ซึ่งได้รับผลตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี

ขณะที่การปรับสูตรสินค้ายังให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่จะบังคับใช้กฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ในวันที่ 16 ก.ย.นี้

“บริษัทสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ที่ห่วงใยเรื่องภาวะผู้บริโภคชาวไทยน้ำหนักเกิน ดังนั้นตลอดเวลา60ปี ที่ขับเคลื่อนธุรกิจ บริษัทได้พัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย และจะร่วมมือขับเคลื่อนสังคมสุขภาพยั่งยืนกับการผลิตสินค้าให้ได้รับโลโก้ทางเลือกสุขภาพ แนวทางการตลาดก็มีโครงการรณรงค์ให้คนใส่ใจสุขภาพ ทำแคมเปญร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขไปสู่โรงเรียนเป้า 750 แห่งทั่วประเทศ แก่นักเรียน1ล้านคน เพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายถูกวิธี เป็นต้น”

สำหรับภาพรวมตลาดนมพร้อมดื่มทุกประเภททั้งนมถั่วเหลือง นมโค นมเปรี้ยว โยเกิร์ตพร้อมดื่มต่างๆ พบว่า มีมูลค่าตลาดรวมเกือบ7หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้หากเติบโตระดับ3-5%ถือเป็นอัตราน่าพอใจ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ไม่ดีมากนัก 

ส่วนมาตรการจัดเก็บภาษีความหวานที่จะบังคับใช้ในกลางกันยายนนี้ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดเครื่องดื่มกลุ่มนมพร้อมดื่ม เนื่องจากยังเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นในการเก็บภาษีความหวาน แม้จะมีนมพร้อมดื่มรสช็อคโกแลต รสหวาน รสสตรอเบอรี่ต่างๆ เพราะรัฐยังมองเป็นสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคอยู่