'คลัง' เร่งเพิ่มฐานจัดเก็บภาษี

'คลัง' เร่งเพิ่มฐานจัดเก็บภาษี

คลังเร่งเพิ่มฐานจัดเก็บภาษี "ตั้งคณะทำงาน" ปฏิรูปประมวลรัษฎากรเหตุฐานผู้เสียภาษีไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

คลังระบุจำนวนรายผู้เสียภาษีในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ โดยกำลังแรงงาน 38 ล้านคน แต่มีผู้ยื่นเสียภาษีเพียง 11 ล้านคน ขณะที่ ตั้งคณะทำงานปฏิรูปประมวลรัษฎากร หวังเพิ่มฐานการจัดเก็บภาษี พร้อมเปิดตัวคลินิกภาษีหวังให้ความรู้ผู้ประกอบการรายใหม่และประชาชนทั่วไป

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างการปาฐกถาเปิดตัวคลินิกภาษีว่า จำนวนรายของการเสียภาษีในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังแรงงานทั้งประเทศ 38 ล้านคน แต่มีผู้ยื่นเสียภาษีเพียง 11 ล้านคน และในจำนวนนี้ มีภาระภาษีที่ต้องจ่ายจริงเพียง 7 ล้านคน

ขณะที่ การยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น มีนิติบุคคลยื่นเสียภาษีเพียง 4.9 แสนราย แต่ในจำนวนนี้ มีภาระภาษีที่ต้องจ่ายเพียง 4.3 แสนราย ซึ่งแม้ว่า รัฐบาลจะได้ลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 20% จากเดิม 30% แล้วก็ตาม แต่จำนวนรายนิติบุคคลที่เสียภาษีกลับไม่เพิ่มขึ้นซึ่งการลดภาษีในช่วงที่ผ่านมา ก็หวังว่า จะทำให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้เสียภาษีบางรายอาจคิดว่า ยังคุ้มค่าที่จะหลบเลี่ยงภาษี เนื่องจากอัตราภาษีสูง

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการที่จะสนับสนุนให้คนอยู่ในระบบภาษีที่ถูกต้องมากขึ้น โดยให้มาตรการจูงใจให้ผู้เสียภาษีโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2.7 ล้านราย เข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จากปัจจุบัน 70% ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนั้นยังใช้มาตรการจูงใจเพื่อให้ เอสเอ็มอี ทำบัญชีเล่มเดียว

นายสมชัยกล่าวอีกว่า ภายในปี 2562 กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่จะยื่นกู้เงินกับธนาคารพาณิชย์จะต้องใช้บัญชีที่ยื่นต่อกรมสรรพากร เป็นหลักฐานในการยื่นขอกู้ ดังนั้น จะต้องเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว เพื่อประโยชน์ในการหาแหล่งเงินทุนในระบบ

โดยหากมีผู้เสียภาษีเข้ามาในระบบมากขึ้น กระทรวงการคลังไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่มอัตราภาษี ซึ่งในความเป็นจริงทางการก็ไม่ต้องการขึ้นอัตราภาษี โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายสมชัยกล่าวอีกว่า ภายในรัฐบาลชุดนี้ การปฏิรูปกฎหมายภาษีทั้ง 3 กรมภาษีของประเทศ จะสามารถแล้วเสร็จ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายศุลกากร และสรรพสามิต จนมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งทำให้กฎหมายมีความทันสมัยมากขึ้น เหลือเพียงการปฏิรูปประมวลกฎหมายรัษฎากรของกรมสรรพากรเท่านั้น ที่ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาปฏิรูปแล้ว

ส่วนการตั้งคลินิกภาษีนั้น กระทรวงการคลังได้ตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องการให้ภาษีเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินงาน คือการให้บริการประชาชนแบบบูรณาการด้านองค์ความรู้และการให้คำปรึกษาด้านภาษีของ 3 กรมจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลัง เพื่อให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าใจเรื่องภาษีง่ายขึ้น 

โดยคลินิกภาษีจัดทำข้อมูลสาระความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ ประกอบด้วย

1. ผ่านช่องทาง Web site (http://taxclinic.mof.go.th) และ Mobile Application (Tax clinic) มีการสรุปเนื้อหาเกี่ยวกับองค์ความรู้โครงสร้างภาษีในไทย สอดคล้องการดำเนินธุรกิจต่างๆ มากกว่า 100 ธุรกิจ ครอบคลุมธุรกิจการผลิต ธุรกิจการค้า และธุรกิจการบริการ

2. ผ่านช่องทาง Facebook fan page (@TaxClinicMOF) เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารเกี่ยวกับภาษีและกิจกรรมต่างๆ รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องภาษี โดยส่งข้อความผ่านทาง Inbox บนหน้า Fan page

3. ผ่านช่องทาง Call Center (1689) และ walk in เพื่อขอรับบริการสอบถามเรื่องภาษีจากหมอภาษี ณ ศูนย์ประสานงานคลินิกภาษี มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจาก 3 กรมจัดเก็บรายได้เป็นผู้ให้คำปรึกษา