กสทช.นัดถกกลุ่มคนดัง “เฟซบุ๊ค-ยูทูบ”กำกับโอทีที

กสทช.นัดถกกลุ่มคนดัง “เฟซบุ๊ค-ยูทูบ”กำกับโอทีที

คณะอนุฯโอทีที กสทช.สรุปแนวทางกฎหมาย“โอทีที” ชี้แพลตฟอร์มเข้าหลักเกณฑ์กิจการบรอดคาสต์ไม่ใช้คลื่นความถี่ นัดถกกลุ่มคนดังเฟซบุ๊ค-ยูทูบ ก่อนเคาะเกณฑ์“ผู้ให้บริการเนื้อหา”ยึดประกาศฯเดิมปรับใช้กำกับดูแลโอทีที ส.ค.นี้  

ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้พิจารณาในการประชุมวันที่ 24 เม.ย.2560 กำหนดให้ การให้บริการกระจายเสียงหรือบริการโทรทัศน์ผ่านโครงข่ายอื่นที่ไม่ใช่โครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ (Over The Top)หรือ โอทีที เป็นกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธานคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ Over The Top เปิดเผยว่าหลังจากคณะอนุฯเปิดรับฟังความคิดเห็นแนวทางการกำกับดูแลโอทีที ตลอดเดือน พ.ค. จากกลุ่มนักวิชาการ, ผู้ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์, ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม,ผู้ให้บริการช่องรายการผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต,ผู้ให้บริการวีดิโอออนดีมานด์,แพลตฟอร์มเฟซบุ๊ค ยูทูบ ไลน์ รวมทั้งมีเดีย เอเยนซี 

เข้าเกณฑ์กิจการไม่ใช้คลื่นฯ

หลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอที่เกี่ยวกับกิจการโอทีที จากกลุ่มต่างๆ คณะอนุฯ สรุปได้ว่าบริการโอทีที มีลักษณะและประเภทการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ประเภท“กิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่” ซึ่งเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่องกำหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่ได้กำหนดลักษณะของการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ออกเป็น 4 ลักษณะคือ 1.การให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ (Service) 2.การให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ (Network) 3.การให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ (Facility) และ 4.การให้บริการแบบประยุกต์ (Application)

 ทั้งนี้ การประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ มีห่วงโซ่การประกอบกิจการ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.บริการ หมายถึง ผู้ผลิตหรือผู้รวบรวมเนื้อหารายการ เพื่อนำส่งไปยัง 2. ระบบเชื่อมโยงสัญญาณ หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงสัญญาณเพื่อนำส่ง “เนื้อหา” ไปยัง 3. ผู้ชม หรือผู้รับบริการ 

ตามห่วงโซ่การประกอบกิจการดังกล่าว ในฝั่งกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ จะเริ่มต้นด้วยการรวบรวมเนื้อหารายการ แล้วส่งต่อไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น พีเอสไอ, ทรูวิชั่นส์ รวมทั้ง ทีโอที ซึ่งจะใช้โครงข่ายสนับสนุน ได้แก่ โครงข่ายดาวเทียมหรือโครงข่ายอินเทอร์เน็ต นำส่งบริการไปยังผู้รับชมหรือผู้รับบริการ

สำหรับบริการโอทีที มีรูปแบบและลักษณะของห่วงโซ่การประกอบกิจการเหมือนกับกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ กล่าวคือ เนื้อหารายการ ที่มาจากผู้ผลิต สตูดิโอ ช่องรายการ หรือผู้ใช้ จะถูกรวบรวม แล้วนำส่งไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เน็ตฟลิกซ์ ,ไลน์ทีวี,ยูทูบ, เฟซบุ๊ค เป็นต้น  จากนั้นใช้โครงข่ายสนับสนุน จาก ISP และ Open Internet ส่งบริการไปยังผู้รับชมทั่วโลก

โอทีที”ให้บริการลักษณะโครงข่าย

พ.อ.นที กล่าวอีกว่ากรณี “บริการ”โอทีที ที่ผู้ใช้สามารถผลิตเนื้อหาเอง รูปแบบ User Generated Content หรือ UGC เช่น ยูทูบ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ มีรูปแบบและลักษณะของห่วงโซ่การประกอบกิจการเหมือนกับบริการโอทีที อื่นๆ เพียงแต่มีความแตกต่างในส่วนของเนื้อหารายการที่ไม่ใช่มาจากช่องรายการหรือผู้ให้บริการเนื้อหาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจาก “ผู้ใช้”ที่สามารถผลิตเนื้อหาได้เอง จากนั้นนำส่งไปยังแพลตฟอร์ม รวบรวมส่งเนื้อหาผ่านโครงข่ายสนับสนุนไปยังผู้ชมหรือผู้รับบริการ

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบลักษณะห่วงโซ่ของการประกอบกิจการของ “โทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่” กับ “บริการโอทีที” จึงพบว่า มีโครงสร้าง“เหมือนกัน” แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ บริการ, ระบบเชื่อมโยงและผู้ชม 

ในขณะที่ลักษณะของแพลตฟอร์มก็มีรูปแบบเดียวกัน คือ ทั้งแพลตฟอร์มบริการโอทีทีและกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ต่างก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกันในการรวบรวมเนื้อหาภาพและเสียง ก่อนส่งผ่านไปยังโครงข่ายสนับสนุนเพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้รับบริการ 

อย่างไรก็ดีในส่วนของบริการนั้นมีความแตกต่างกัน คือ เนื้อหารายการบนแพลตฟอร์มโอทีที แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ มาจากช่องรายการและผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าของเนื้อหา (Content Provider) และผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้สร้างเนื้อหาเอง (UGC) ในขณะที่บริการหรือเนื้อหาในกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่มาจากผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการเนื้อหารายการแต่เพียงอย่างเดียว

สรุปได้ว่าการให้บริการโอทีที รูปแบบวีดีโอออนดีมานด์ ที่มีรายได้จากค่าสมาชิก เช่น เน็ตฟลิกซ์ รวมทั้งแพลตฟอร์ม  ยูทูบ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ไลน์ทีวี  เข้าลักษณะทำนองเดียวกับบริการโครงข่ายกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ฯ ที่เข้าข่ายการกำกับดูแลตามประกาศฯ กสทช. เรื่องกำหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ทั้งนี้ กระบวนการกำกับดูแล จะมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนอีกครั้ง  

ถกคนดัง‘เฟซบุ๊ค-ยูทูบ’เคาะเกณฑ์

พ.อ.นที กล่าวว่าประเด็นที่คณะอนุฯ จะหารือหลังจากนี้ คือ การให้“บริการเนื้อหา” ที่มาจาก ผู้ใช้สร้างเนื้อหาเอง (UGC) และช่องรายการนำเสนอผ่านโครงข่ายโอทีที โดยในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ จะเชิญ"ผู้ใช้สร้างเนื้อหาเอง" บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ค มาร่วมหารือ โดยคัดเลือกตัวแทนจากแฟนเพจท็อป100 ที่มีผู้ติดตามระดับ 1 ล้านคนขึ้นไป  เช่น เพจ สุทธิชัย หยุ่น, วู้ดดี้ ,สรยุทธ สุทัศนะจินดา ,SpokeDark TV , Drama Addict เป็นต้น

จากนั้นวันที่ 7มิ.ย.นี้ จะเชิญช่องรายการบนยูทูบ แชนแนล มาร่วมหารือ โดยคัดเลือกตัวแทน จากช่องรายการท็อป 100 ที่มีผู้กดติดตามช่องสูงสุด  รวมทั้งช่องรายการยูทูบของกลุ่มทีวีดิจิทัล ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก 

แนวทางการกำกับดูแลในกลุ่มผู้ให้บริการ ฝั่งผู้ผลิตเนื้อหา ขณะนี้ยังไม่สรุปตัวเลขว่าต้องมีผู้ติดตามจำนวนเท่าไหร่ จึงเข้าหลักเกณฑ์ถูกกำกับดูแลตามประกาศฯ กสทช.ฯ  จากการศึกษา แต่เชื่อว่ามีไม่มากหรืออยู่ที่ราว 50-100 รายที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการ  

“คณะอนุฯ จะวางเส้นแบ่งที่ชัดเจน สำหรับประชาชนที่ผลิตเนื้อหาบนโอทีที เพื่อรับชมเองในกลุ่มเพื่อน และกลุ่มที่สร้างอิมแพ็คต่อสังคม รวมทั้งกลุ่มที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการหารายได้ จะต้องมีความชัดเจนในการจัดประเภทและกำกับดูแล”

เมื่อทั้งโครงข่ายและผู้ผลิตเนื้อหาบนโอทีที เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์ จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับของประกาศฯ และกฎหมาย ที่ กสทช. ใช้กำกับกิจการโทรทัศน์เช่นกัน ทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างการแข่งขันที่เท่าเทียมและไม่มีเนื้อหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคม เชื่อว่าเป็นแนวทางที่ทุกคนยอมรับได้ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน

หลังจากรับฟังความเห็นในวันที่ 6-7 มิ.ย.นี้ จากนั้นช่วงกลางเดือน มิ.ย. คณะอนุฯจะสรุปแนวทางทั้งหมด  เดือนก.ค.-ส.ค. วางหลักเกณฑ์การกำกับดูแลรายประเภทบริการและบังคับใช้ภายในเดือน ส.ค.นี้  โดยใช้ประกาศฯ กสทช.เดิม  และไม่ต้องออกประกาศฯใหม่