“แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส” ดอกกุหลาบที่ล่วงหล่น

“แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส” ดอกกุหลาบที่ล่วงหล่น

“เดอะ แชมเปี้ยนชิพ” 2016/17 สิ้นสุดฤดูกาลปกติเป็นที่เรียบร้อย หลังจากกระหน่ำเตะกันมาครบ 46 นัด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7พฤษภาคมที่ผ่านมา ตำแหน่งแชมป์ขับเคี่ยวกันจนถึงเกมสุดท้ายและกลายเป็นนิวคาสเซิลที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

หลังจากที่ ไบรห์ตันที่มีคะแนนนำมามาก่อนหน้านั้นดวงแตกถูก แอสตัน วิลล่า ตีเสมอในนาทีสุดท้าย ส่วนทีมที่ได้ไปกลุ่มเพลย์ออฟนั้น เร้ดดิ้ง จะเจอกับ ฟูลแล่ม เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์,จะเจอกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์

แต่หนึ่งในบทสรุปที่น่าสนใจของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ คือสามทีมที่ต้องตกลงไปเล่นใน “ลีกวัน” หนึ่งในนั้นมีชื่อของ “แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส” อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1994-1995  แม้ว่าเกมสุดท้ายจะเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้ 3-1 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้อยู่รอด ซึ่งเป็นที่น่าตกใจสำหรับแฟนบอลในยุค 90 พอสมควรเพราะหลังจากได้แชมป์ลีกสูงสุดอย่างยิ่งใหญ่ 22 ปีต่อมาผลงานจะดิ่งเหวขนาดนี้

 

“แจ็ค วอล์คเกอร์” ตำนานเจ้าของมือเติบ

“แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส” อยู่ในเมืองแบล็คเบิร์น อแคว้นแลงคาเชียร์  ทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีประชากรเพียงแค่แสนคนเศษๆเท่านั้น แต่ก็ทีมที่เก่าแก่ของอังกฤษเพราะมีอายุมากกว่า 140 ปี 

แต่ถ้าพูดถึงทีมนี้หลายคนมักจะนึกถึงเรื่องราวในยุค 90 มากกว่า เพราะก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ทีมกุหลาบไฟได้แชมป์ลีกสูงสุดเกิดขึ้นก่อนสครามโลกครั้งที่หนึ่งซะอีก ส่วนแชมป์ใหญ่รายการอื่นๆก็ต้องย้อนไปถึงยุควิคตอเรีย

ฤดูกาล 1991-1992 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในถิ่นอีวู๊ด ปาร์ด เมื่อ “แจ็ค วอล์คเกอร์” มหาเศรษฐีท้องถิ่นเจ้าของธุรกิจเหล็ก เข้ามาซื้อทีม โดย“เศรษฐีแจ็ค” เป็นโมเดลเจ้าของทีมมือเติบ ก่อนที่จะถึงยุคของโรมัน อบรโมวิช หรือ  ชีคห์ มานซูร์ ในปัจจุบัน  แค่ฤดูกาลแรกลงทุนเซ็นสัญญาผู้เล่นถึง 14 คน รวมไปถึงไปตำนานนักเตะและกุนซือชื่อดังอย่าง “เคนนี่ ดัลกลิช” มาคุมทีมช่วงกลางซีซั่น จนสมารถเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลถัดมา

 

ความสำเร็จในยุค 90

ในฤดูกาล 1992-1993 เป็นซีซั่นแรกในพรีเมียร์ลีกของทีมเงินหนาแห่งแคว้นแลงคาเชียร์  ลงทุนซื้อผู้เล่นมาถึง 10 คน หนึ่งในนั้นคือ “อลัน เชียเรอร์” ดาวยิงทีมชาติอังกฤษมาจากเซาธ์แฮมตัน ด้วยค่าตัว 3.3 ล้านปอนด์ เป็นสถิติค่าตัวของฟุตบอลอังกฤษ ฤดูกาลชิมลางในพรีเมียร์ลีกครั้งนั้นจบด้วยอันดับที่สี่

เข้าสู่ฤดูกาล 1993-1994 แบล็คเบิร์น สถาปนาตัวเองเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว และเป็นคู่แข่งสำคัญของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ที่กำลังเรืองอำนาจในยุค 90 ฤดูกาลดังกล่าวลูกทีมของดัลกลิชจบอันดับที่สอง จะกระทั่งฤดูกาล 1994-1995 มีการลงทุนซื้อผู้เล่นเป็นสถิติอังกฤษอีกครั้ง นั่นคือ “คริส ซัตตัน” ศูนย์หน้าจากนอริชด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์

ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะเชียเรอร์กับซัตตันระเบิดฟอร์ม พาต้นสังกัดพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในรอบ 81 ปี ท่ามกลางเงินลงทุนกว่า 30 ล้านปอนด์ตลอด 4 ซี่ซั่นของแจ๊ค วอล์คเกอร์

 

การเปลี่ยนแปลงสู่ความล้มเหลว

ความยิ่งใหญ่ของทีมกุหลาบไฟต้องมาสะดุดลง ฤดูกาลถัดมาหลังจากได้แชมป์ เมื่อมีข่าวลือถึงปัญหาภายในทีมโดยดัลกลิช ถูกปรับให้ไปเป็นผู้อำนวยการ และให้ “เรย์ ฮาร์ฟอร์ด” มาทำหน้าที่กุนซือแทน นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย

ทีมกุหลาบไฟจบอันดับที่ 7 ฮาร์ฟอร์ด ทำผลงานได้ไม่สมฐานะแชมป์เก่า จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเป็น “โทนี่ ปาร์ค” จนกระทั่งสึนามิลูกใหญ่ก็ส่งผลต่อทีมดังแห่งแลงคาเชียร์อีกครั้ง เมื่อ “อลัน เชียร์เรอร์” ดาวยิงขวัญใจของทีมถูกขายให้กับ “นิวคาสเซิล” ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกที่ 15 ล้านปอนด์ การสูญเสียดาวยิงทีมชาติอังกฤษทำให้ผลงานทีมสาละวันเตี้ยลงเรื่อยๆ

ในฤดูกาล 1999-2000 ต้องตกลงไปเล่นในดิวิชั่นหนึ่งพร้อมกับการเสียชีวิตของแจ็ค วอล์คเกอร์ แม้ว่าจะสามารถขึ้นมาเล่นในพรีเมียรืลีกได้ในปี 2001-2002 รวมถึงการคว้าแชมป์ลีกคัพ แต่ก็ยืนหยัดได้ 10 ฤดูกาล จนต้องหล่นไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งในฤดูกาล 2012-13 จากนั้น “โรเวอร์ส” ก็ไม่สามารถคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกเลย จนปัจจุบันที่ต้องหล่นไปเล่นในลีกวัน ในฤดูกาลล่าสุด

 

ความล้มเหลาวช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาทำให้แฟนแบล็คเบิร์น เริ่มสาปส่งบริษัท เวนกี้ส์ เจ้าของธุรกิจไก่ที่เข้ามาซื้อสโมสรเมื่อปี 2010 แน่นอนว่าเจ้าของทีมปัจจุบันจากอินเดียนอกจจากจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานอย่าง “แจ็ค วอล์คเกอร์” แล้ว

ยังมีเรื่องผลงานก็ยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น มิหนำซ้ำยังดิ่งเหวลงเรื่อยๆ

 

กุหลาบดอกนี้อาจกำลังล่วงหล่น แต่หากดินปุ๋ยขาดคุณภาพและการรดน้ำยังทำได้ไม่ดี

ก็อาจจะ “เฉาตาย” ในสักวัน