‘จีจีซี’ เร่งเพิ่มกำลังการผลิตดันกำไร

โกลบอลกรีน เคมิคอล คาดกำไรโตก้าวกระโดดในปี 2562 หลังจากเริ่มดำเนินการโรงงานแห่งใหม่ 2 แห่ง พร้อมเร่งลดต้นทุน-ควบคุมการผลิตตั้งแต่ปีนี้ ด้านความเคลื่อนไหวเข้าซื้อขายวันแรก ยืนเหนือราคาจอง **% 

นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) GGC เปิดเผยว่า การเติบโตของผลประกอบการบริษัทจะเริ่มเห็นโดดเด่นในช่วงปี 2562 เนื่องจากโรงงานแห่งใหม่ 2 พื้นที่แล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิต 

โดยบริษัทมีก่อสร้างโรงงานใน 2 พื้นที่ คือ ก่อสร้างโรงงานไบโอดีเซล ที่จังหวัดนครสวรรค์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเดินกำลังการผลิตได้ในปี 2561 และก่อสร้างโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่าการลงทุนรวม 7,000 ล้านบาท บริษัทถือหุ้น 50% คาดว่าจะเริ่มเดินกำลังการผลิตในปี 2562

ส่วนแนวโน้มรายได้ปีนี้ คาดว่าจะทรงตัวจากปี 2559 ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 937 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของโรงงานเดิม รวมถึงวางแผนลดต้นทุนจากการขนส่งมากขึ้น โดยคาดว่าหลังจากที่โรงงานผลิตเมทิลเอสเทอร์ในจังหวัดชลบุรีเสร็จสิ้นในช่วงสิ้นปี 2561 จะช่วยให้สามารถลดต้นทุนค่าขนส่งได้อีกราวปีละ 100 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางผลิตไบโอพลาสติกต่อยอดจากโรงงานไบโอคอมเพล็กซ์ หากตลาดไบโอพลาสติกเริ่มได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันประเมินว่าความต้องการใช้ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบของพลาสติกชนิดธรรมดายังอยู่ในระดับต่ำ มองว่าหากภาครัฐสนับสนุนไบโอพลาสติก และราคาน้ำมันดิบสูงกว่า 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ความต้องการใช้จะสูงขึ้น

ความเคลื่อนไหวการเข้าทำการซื้อขายครั้งแรก ของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) GGC เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งแรก พบว่า ราคาเปิดการซื้อขายที่ 12.50 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเหนือราคาจองซื้อ 11.61 % ระหว่างวันราคาแตะระดับสูงสุดที่ 12.50 บาท และปิดการซื้อขายที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 7.14% มูลค่าการซื้อขาย 2,830 ล้านบาท 

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุขกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน สายงานวาณิชธนกิจและตลาดทุน บล.ภัทรในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จีจีซีมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตอีกมาก โดยเฉพาะด้านความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลังงานทางเลือกที่มีมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านไบโอเคมี และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งราคาหุ้น ณ ราคาไอพีโอยังถือว่ามีโอกาสในการเติบโต โดยคิดเป็นราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พี/อี)ที่ 11.91 เท่า