เมอร์เดส-เบนซ์ “อี300 คูเป้” หรูหรา ขับสนุก นั่งสบาย

เมอร์เดส-เบนซ์ “อี300 คูเป้” หรูหรา ขับสนุก นั่งสบาย

ลองขับ เลาะเลื้อย แคว้นคาตาลัน

       เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 คูเป้ ในงาน มอเตอร์โชว์ ซึ่งวันนี้ใครอยากเห็นตัวจริงในงานก็ยังทัน เพราะงานจะมีไปจนถึงพรุ่งนี้ แต่คงต้องวางแผนการเดินทางกันหน่อย เพราะท่าทางจะรถหนาแน่น

       แต่ก่อนเปิดตัวเล็กน้อยผมเดินทางไปบาร์เซโลนา สเปน เพื่อทดสอบรถรุ่นนี้ร่วมกับสื่อจากอีกหลายประเทศด้วยกัน

       อี-คลาส คูเป้ หลายรุ่น หลายสิบคันจอดเรียงรายอยู่ที่สนามบิน ดูโดดเด่นทีเดียว ไม่ใช่แค่ว่าเป็นของใหม่ แต่การออกแบบรถโดยรวมดูกลมกลืน เส้นสาย และอุปกรณ์ต่างๆ ดูสวยงาม และที่เพิ่มเติมเข้ามาเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ก็คือ ความหรูหราที่เห็นได้ตั้งแต่ตัวถังภายนอกที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

       รับกุญแจเสร็จ เดินไปท้ายรถแหย่เท้าเข้าไปใต้รถ ฝาท้ายเปิดขึ้นอัตโนมัติ กว้างขวางทีเดียว ใส่สัมภาระได้เยอะ จากนั้นผมเข้าประจำที่หลังพวงมาลัย มันนั่งสบายมาก เบาะนุ่ม แต่โอบกระชับลำตัวได้ดี และแน่นอนตื่นตากับการออกแบบภายใน คอนโซลออกแบบให้โอบผู้โดยสาร และเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เต็มไปหมด เป็น คูเป้ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรามาก หน้าจอความละเอียดสูง COMAND® ขนาด 12.3 นิ้ว ฝังไว้ที่คอนโซลหน้า ช่องแอร์ดูแปลกตา เหมือนไปย่อส่วนล้อแม็กมา แต่ก็สวย และแอบมีอารมณ์สปอร์ตด้วย และในห้องโดยสารมีไฟที่ปรับได้ถึง 64 สี

       ซันรูฟขนาดใหญ่ และที่ปัดน้ำฝนแบบใหม่ ฉีดน้ำออกมาที่ก้าน แต่ที่พิเศษจาการลองใช้ก็คือ นอกจากจะไม่เป็นน้ำที่ฉีดเป็นฝอยแล้ว ยังแทบไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามีน้ำออกมา ทำให้ ทัศนวิสัยด้านหน้าเพื่อฉีดน้ำฉีดกระจกไม่มีน้ำมาบดบัง

       เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง ขนาดความจุ 1,991 ซีซี เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่ 9G-TRONIC ให้อัตราเร่ง0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

       อี-คลาส คูเป้ สร้างขึ้นจากพื้นฐานของ อี-คลาส ซีดาน ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ปรับให้มีบุคลิกของ ดรีม คาร์มากขึ้น ทั้งกระจังหน้าที่ลาดต่ำลง โดยมีสัญลักษณ์ดาวสามแฉกอยู่ตรงกลางดูโดดเด่น และตามรูปแบบของคูเป้ ก็ต้องทำให้ฝากระโปรงดูยาวขึ้นกระจกหน้าต่างเป็แบบไร้ขอบทั้ง 4 บาน รูปทรงเชื่อมต่อกัน เล็กเรียว ล้อไปกับรูปทรงของหลังคาได้อย่างลงตัว

       ด้านท้ายออกแบบได้สวยทีเดียวครับ ด้านท้ายยกสูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่โคมไฟท้ายแบบเรียวยาว โอบรอบตั้งแต่ด้านข้างไปจนถึงฝากระโปรงท้าย และไฟซึ่งเป็นแอลอีดี ทำงานหลายฟังก์ชั่น รวมถึงลูกเล่น เช่นเมื่อเปิดล็อครถไฟจะวิ่งจากดวงในสุดออกไปด้านนอก ในทางกลับกันเมื่อล็อครถ ไฟจะวิ่งจากด้านนอกเข้าด้านใน

       เส้นสายด้านข้างคม และเชื่อมต่อส่วนประกอบต่างๆได้เป็นหนึ่งเดียวกัน กลมกลืน และไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ว่าจุดเด่นของการออกแบบคือ ค่า ซีดี ที่ต่ำเพียง 0.25

       อย่างไรก็ตาม คงไม่ผิดที่จะบอกว่านี่เป็น คูเป้ ของอี-คลาส ที่เปลี่ยนแปลงแนวคิดไปจากรุ่นเดิมๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของขนาดรถที่ใหญ่ขึ้น และใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยผลิตมาโดยมีความยาว 4,826 มม. เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 123 มม. ความกว้าง 1,860 มม. เพิ่มขึ้น 74 มม. สูง 1,430 มม. เพิ่มขึ้น 33 มม. ฐานล้อหน้ากว้าง 1,605 มม. เพิ่มขึ้น 67 มม. ด้านหลัง 1,609 มม. เพิ่มขึ้น 68 มม. ซึ่งช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น เบาะหลังมีพื้นที่มากขึ้น ทำให้นั่งได้สบาย ไม่ต่างจากรถแบบ 4 ประตูมากนัก

       ซึ่งแม่ใช่แค่พื้นที่ช่วงขาช่วงเขา จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ว่าตัวเบาะเองหรือหมอนรองศีรษะก็ใหญ่ขึ้น ดังนั้นอาจจะบอกได้ว่า ดรีม คาร์คันนี้ หันไปจับตลาดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ยังคงอารมณ์ของการเป็นรถคูเป้ก็ได้ พูดง่ายๆ วันทำงานอาจนั่งอยู่เบาะหลัง อี-คลาส วันหยุด ก็ควบ อี-คูเป้ ไปเที่ยวกับครอบครัวได้ ส่วนใครที่ชอบอารมณ์สปอร์ตกว่านี้ ไม่ต้องกว้างขวางนัก ก็ไปที่ ซี-คูเป้

       ด้านเทคโนโลยี และความปลอดภัย ก็มีมาเต็มที่ ทั้งระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 5 แบบ คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual, ระบบ PRE-SAFE® Sound, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, เนวิเกชัน, แผงควบคุมระบบสัมผัสบนพวงมาลัย (Touch Control Button) ใช้งานง่าย ด้วยการใช้นิ้วโป้งสัมผัสโดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย คล้ายๆกับการใช้งานสมาร์ทโฟน

       ปลายทางอยู่ที่ โรงแรม คามิรัล ออกจากเมืองไปกว่า 100 กม. ซึ่งทีมงานเลือกเส้นทางให้มีทั้งทางด่วน ผ่านหมู่บ้าน ภูเขาและท้องทุ่งที่เล็กๆ แคบๆ ชนิดที่ถ้าสวนกับรถบัสในทางโค้ง ควรจะต้องจอดรอ

       สเปนก็มีการจำกัดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. แต่มาทั้งที ก็แอบกดคันเร่งตามรถคนท้องถิ่น เข้าตำราเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่่วตาตาม ก็ถือว่าใช้ได้ อาจจะไม่ได้จัดจ้านนัก แต่ก็เรียกกำลังมาได้เรื่อยๆ ขึ้นไป 150-160 ไม่ยากอะไร และนี่เป็นการขับโหมดปกติครับ ไม่ได้เลือกสปอร์ต หรือ สปอร์ตพลัส

       รถนิ่งและเงียบ ต้องให้เครดิตคนออกแบบที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดี

       และเมื่อขับในเส้นทางภูเขา เครื่องยนต์ลื่นไหลดี จังหวะขึ้นเนินตรงๆ หรือผ่อนเข้าโค้งก่อนไต่ขึ้นทันที เรียกกำลังมาได้ทันใจ ถือว่าเครื่องยนต์สอบผ่าน

       พวงมาลัยแม่นยำ ช่วงล่างเกาะถนนได้ดี จัดการกับโค้งต่างๆ ได้สนุกสนาน และแม้ช่วงล่างจะมีความนุ่ม นั่งสบาย ชนิดที่ผู้โดยสารอยากจะหลับ แต่ว่าเมื่อขับขี่ในทางโค้งอาการโยนตัวน้อย ทำให้คนขับ ขับได้อย่างมั่นใจ และคนโดยสาร ก็สบาย ไม่มีอาการมึนนัก

ซึ่งช่วงล่างหน้าหน้าเป็นแบบดับเบิล วิชโบน ด้านหลังมัลติลิงค์ ส่วนล้อหน้าขนาด 245/35 R20 ด้านหลัง 275/30 R20

      โดยรวมถือว่าเป็นรถที่คนขับ ขับได้สนุก ส่วนคนนั่งก็นั่งสบาย เพลิดเพลินกับการเดินทาง และมีความหรู ความกว้างขวาง แถมมาให้อีกด้วย