ยังไม่ฟื้น ยอดขายรถ มีนาคม ร่วงต่อเนื่อง 29.8% EV ติดลบ 25% ไฮบริดขยายตัว

ยังไม่ฟื้น ยอดขายรถ มีนาคม ร่วงต่อเนื่อง 29.8% EV ติดลบ 25% ไฮบริดขยายตัว

ยอดขายรถยนต์เดือน มีนาคม 2567 ยังหดตัวต่อเนื่อง ติดลบ 29.8% "อีวี" ร่วง ไฮบริด ขยายตัว โตโยต้า คาดเมษายน ค่อยๆ ฟื้นตัว รับปัจจัยบวกเทศกาลสงกรานต์ ดันเงินหมุนเวียน และยอดจองต่อเนื่องงาน บางกอก มอเตอร์โชว์

ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าตลาดรถยนต์ไทยยังคงมีทิศทางชะลอตัว

โดยเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์ 56,099 คัน ลดลง 29.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 

โดยรถยนต์นั่งมียอดขาย 22,342 คัน ลดลง 25.1% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (รวมปิกอัพ) 33,757 คัน ลดลง 32.6% และเฉพาะรถปิกอัพ 1 ตัน มียอดขาย 19,648 คัน ลดลง 45.5% 

ยอดขายที่ลดลง เป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีจำกัด รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน 

และหากแยกกลุ่มพลังงาน พบว่าเดือนมีนาคม รถในกลุ่มไฮบริด หรือ HEV มียอดขาย 12,689 คัน เพิ่มขึ้น 68.9% มีผลทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนหรือ xEV เติบโต 19.5% 

ขณะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ  EV มียอดขาย 5,167 คัน ลดลง 25.6% และรถปลั๊ก-อิน ไอบริด (PHEV) ยอดขาย 897 คัน ลดลง 27.1% 

ส่วนแนวโน้มเดือนเมษายนมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เป็นผลมาจากกระแสการท่องเที่ยวในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ และเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม 

รวมถึงการเริ่มส่งมอบรถยนต์ที่จองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา 

สำหรับรายละเอียดประเภท และ 3 อันดับ ยอดขาย เดือนมีนาคม 2567 

ตลาดรถยนต์รวม 56,099 คัน ลดลง 29.8%                            

  • โตโยต้า 21,582 คัน ลดลง 16.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
  • อีซูซุ 8,861 คัน ลดลง 48.3 % ส่วนแบ่งตลาด 15.8%
  • ฮอนด้า 8,219 คัน ลดลง 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 14.7%

ตลาดรถยนต์นั่ง 22,342 คัน ลดลง 25.1%                            

  • โตโยต้า 6,606 คัน ลดลง 33.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
  • ฮอนด้า 4,869 คัน ลดลง 31% ส่วนแบ่งตลาด 21.8%
  • มิตซูบิชิ 2,039 คัน เพิ่มขึ้น 14% ส่วนแบ่งตลาด  9.1%

รถเพื่อการพาณิชย์ (รวมปิกอัพ) 33,757 คัน ลดลง 32.6%                            

  • โตโยต้า 14,976 คัน ลดลง 5% ส่วนแบ่งตลาด 44.4%
  • อีซูซุ 8,861 คัน ลดลง 48.3% ส่วนแบ่งตลาด 26.2%
  • ฮอนด้า 3,350 คัน เพิ่มขึ้น 7% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%

รถปิกอัพ 16,212 คัน ลดลง 45.3%                                 

  • โตโยต้า 7,367 คัน ลดลง 31.5% ส่วนแบ่งตลาด 45.4%
  • อีซูซุ 6,705 คัน ลดลง 50.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.4%
  • ฟอร์ด 1,062 คัน ลดลง 63.3% ส่วนแบ่งตลาด  6.6%              

ยอดขายรถพีพีวี 3,436 คัน ประกอบด้วย 

  • โตโยต้า 1,262 คัน 
  • อีซูซุ 1,160 คัน 
  • ฟอร์ด 682 คัน 
  • มิตซูบิชิ 298 คัน 
  • นิสสัน 34 คัน

ส่วนยอดขายรวมไตรมาสแรก ทำได้ทั้งสิ้น 163,756 คัน ลดลง 24.6% จากไตรมาสแรก 2566                          

  • โตโยต้า 58,810 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.9%
  • ฮอนด้า 25,104 คัน ลดลง 3.3% ส่วนแบ่งตลาด 15.3%
  • อีซูซุ 24,444 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 14.9%

รถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 65,615 คัน ลดลง 15.4%                                 

  •  โตโยต้า 16,631 คัน ลดลง 40.8% ส่วนแบ่งตลาด 25.3%
  • ฮอนด้า 14,198 คัน ลดลง 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.6%
  • มิตซูบิชิ 4,954 คัน ลดลง 5.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.6%

รถเพื่อการพาณิชย์ (รวมปิกอัพ)  98,141 คัน ลดลง 29.7%                     

  • โตโยต้า 42,179 คัน    ลดลง 10.3%    ส่วนแบ่งตลาด 43%
  • อันดับที่  อีซูซุ 24,444 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 24.9%
  • ฮอนด้า    10,906 คัน    เพิ่มขึ้น 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.1%

รถปิกอัพ 1 ตัน ยอดขายรวม 46,611 คัน ลดลง 44%

  • โตโยต้า 21,600 คัน ลดลง 33.6% ส่วนแบ่งตลาด 46.3%
  • อีซูซุ 18,313 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด 39.3%
  • ฟอร์ด 3,792 คัน ลดลง 49.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%     

ส่วนรถยนต์พีพีวี มียอดขายรวม 9,814 คัน 

  • โตโยต้า 3,648 คัน 
  • อีซูซุ 3,168 คัน 
  • ฟอร์ด  2,139 คัน 
  • มิตซูบิชิ 732 คัน 
  • นิสสัน 127 คัน