'ฟินเทค' ตลาดทุนคึกคัก

สมาคมฟินเทคขานรับ โครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรม เดินหน้าหารือก.ล.ต. 18 เม.ย. นี้ ชี้มีผู้ให้ความสนใจมากกว่า 20 ราย พร้อมขับเคลื่อนพันธกิจสมาคมให้เชื่อมโยงกับแหล่งทุน

นายเจษฎา สุขทิศ นายกสมาคมฟินเทคไทย เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการฟินเทค เตรียมจะเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันที่ 18 เ.ม.ย.2560 เพื่อหารือถึงแนวทางการร่วมเข้าโครงการทดสอบ และร่วมพัฒนานวัตกรรม (Regulatory Sandbox) โดยในครั้งนี้ ซึ่งมีสมาชิกของสมาคมฟินเทคพร้อมที่จะเข้าร่วมสนามทดลองครั้งแรกแล้วกว่า 20 ราย

“กลุ่มผู้ประกอบการฟินเทคมีความสนใจที่จะเข้าร่วมสนามทดลองของก.ล.ต.อย่างมาก ซึ่งในวันที่ 18 เม.ย.2560จะมีการเข้ารับฟังแนวทางการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งมีผู้ประกอบการกว่า20 รายได้ประสานงานกับทางสมาคมเพื่อเข้าหารือและรับทราบแนวทางในครั้งนี้ด้วย”

ทั้งนี้จากกฎเกณฑ์ที่ทางสำนักงานก.ล.ต.ได้ประกาศออกมาถือว่าเป็นทิศทางที่ดี  และจะเห็นว่าได้รับการตอบรับของภาครัฐบาลกับการสนับสนุนให้มีการเติบโตของฟินเทคอย่างต่อเนื่อง โดยทางสมาคมฟินเทคได้ร่วมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อร่วมกันหาแนวทางขจัดอุปสรรคด้านกฎหมาย เพื่อให้การเติบโตของฟินเทคในไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับพันธกิจของสมาคมในปี 2560 จะเน้นการเชื่อมต่อของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบการฟินเทค ผู้ที่ต้องการลงทุนในฟินเทค ซึ่งภาครัฐบาลหรือส่วนงานที่จะให้การสนับสนุนในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับฟินเทค จะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการสามารถขับเคลื่อนไปได้ต่อเนื่องในอนาคต  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคในต่างประเทศแสดงความสนใจกับการเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคในไทยอย่างมาก

ทั้งกลุ่มฟินเทคในประเทศสหรัฐ ยุโรป และจีน มีความพร้อมให้การสนับสนุน และร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธุรกิจฟินเทคในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าฟินเทคในไทยอยู่ในช่วงระยะเริ่มต้น และสามารถผลักดันให้มีการเติบโตได้อีกมากโดยเมื่อพิจารณาได้จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของกลุ่มสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันมีการเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 3.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 25 % ของทั้งหมด และหากพิจารณาผู้ที่ต้องใช้ฟินเทคคิดเป็นสัดส่วน 20 -30 % ของจีดีพี

อย่างไรก็ตามด้านการทำงานในช่วงที่ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานสมาคมฟินเทคไทย ได้ตอบรับที่จะดำรงตำแหน่งกับสมาคมต่ออีก 1 ปี และได้มีการเตรียมคณะกรรมการบริหารสมาคม จำนวน 20 คนเพื่อขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ทั้งนี้ สมาคมจัดตั้งศูนย์ทดสอบและพัฒนาฟินเทคแห่งชาติ หรือ F13 เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและพัฒนาฟินเทคแห่งชาติ เพื่อเป็นตัวเร่งสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมฟินเทค และเป็นศูนย์บ่มเพาะหลักสำหรับผู้ประกอบการ

ส่วนกระแสการเกิดฟองสบู่ในอุตสาหกรรมฟินเทค และสตาร์ทอัพในต่างประเทศนั้น โดยส่วนตัวมองว่าเกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพเท่านั้น ในภาคฟินเทคยังอยู่ในยุคเริ่มต้นโดยเฉพาะในไทยยังไม่พบปัญหาดังกล่าว

ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายสตาร์ทอัพ นั้น คาดว่าจะสามารถจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งแผนงานทุกอย่างยังเป็นไปตามที่คาดไว้ ทั้งนี้ในด้านปัญหาฟองสบู่ในตลาดสตาร์ทอัพที่มีปัญหาในต่างประเทศนั้น โดยส่วนตัวมองว่าประเทศไทยนั้นมีความแตกต่าง เนื่องจากประเทศไทยส่วนใหญ่จะการเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพ หรือฟินเทค จะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เห็นปัญหาและต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ

ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว และภาคสถาบันการเงินก็ให้การสนับสนุน ทั้งนี้มองว่าผู้ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวก็ทราบอยู่แล้วว่าการลงทุนในกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าปกติ หากจะเข้ามาลงทุนก็ต้องรับกับความเสี่ยงไว้ด้วย