Retail Market Monitor (28 มี.ค.60)

Retail Market Monitor (28 มี.ค.60)

ตลาดเกิดใหม่ (EM) จะเด่นกว่าพัฒนาแล้ว (DM) ในช่วงนี้

เราคาด SET Index เคลื่อนไหวในทางแกว่งตัวขึ้น แม้ภาพรวมการลงทุนโลกถูกกดดันจาก การที่ทรัมป์ ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมาย American Healthcare ซึ่งอาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น อย่างการลดภาษี หรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ล่าช้า แต่จะช่วยลดแรงกดดันจากการที่เฟดจะขึ้น ดอกเบี้ยรอบต่อไปเร็ว ซึ่งจะ เป็นบวกกับตลาดเกิดใหม่ (EM) ดังนั้นเราคาดบรรยากาศการเก็งกำไรโดยรวมจะยังเป็นกลางถึงบวก เรายังคงกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงของตลาดเช่นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเลือกกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าตลาด
โดยรวม การเก็งกำไรเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกชัดเจนหรือฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด โดยเรามองกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มน่าสนใจ ขณะที่กลุ่มขนส่ง (สายการบิน โลจิสติกส์ และเดินเรือท่องเที่ยวในประเทศ) มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันในระดับต่ำ และการเข้า high season // หุ้นแนะนำ SCB, TU, SAPPE / เก็งกำไร TSR*, TTA*

ความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ย– ความน่าจะเป็นของการขึ้น ดอกเบี้ยรอบต่อไปของเฟดในช่วงพ.ค.-ก.ค. อยู่ที่ 13.%-56.3% ทั้งนี้ตลาดคาดการขึ้น ดอกเบี้ยรอบต่อไป 20 ก.ย.60 ที่ความน่าจะเป็น 74.6% ซึ่งเรามองว่า ตลาดยังไม่ได้นับรวมความล่าช้าอันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ หลังไม่ประสพความสำเร็จในการผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ดังนั้นเราประเมินว่าตลาดอาจปรับลดความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยรอบ พ.ค.-ก.ค.หรือกระทัง่ ก.ย.ลงอีก ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market: EM) ซึ่งน่าจะเคลื่อนไหวโดดเด่นกว่าตลาดพัฒนาแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้

โภคภัณฑ์ – ราคาโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ทรงตัว อย่างไรก็ตามค่าเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนลง และการที่แรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยลดลงน่าจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์เริ่มตั้งหลักได้ และเป็นโอกาสทยอยซื้อหุ้น ที่เกี่ยวข้อง สำหรับค่าระวางเรือปิดล่าสุดเพิ่มขึ้น 3.36% เป็นบวกต่อการเก็งกำไร TTA, RCL, PSL

สำหรับปัจจัยติดตามที่สาคัญ: 28 มี.ค. – ติดตามสุนทรพจน์ของประธานเฟด / 29 มี.ค. – อังกฤษยื่น ลาออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ / 5 เม.ย. – ประชุมเรื่อง EEC (ไทย)

คำแนะนำทางกลยุทธ์: ค่าเงินสหรัฐฯที่อ่อนลงเป็นบวกกับเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (EM) สนับสนุนการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่อย่างธนาคาร ซึ่งน่าจะเป็นแกนหลักนำตลาดฟื้น ขณะที่เมื่อเทียบผลตอบแทนและ ความเสี่ยง เราเน้น กลุ่มอาหาร ขนส่ง (สายการบิน เดินเรือท่องเที่ยวในประเทศ) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว // สำหรับห้นุ top pick วันนี้ SCB, TU, SAPPE / เก็งกา ไร TSR*, TTA*

แนวรับ 1550-1560/แนวต้าน : 1575 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ดี: BDMS, SGP*, AOT, MINT, ERW, TASCO

- หุ้น ที่มีการเติบโตปี 2560 เด่น: TU, MAJOR, SQ, BANPU

- หุ้น ที่ผลงานผ่านจุดแย่สุด: MAJOR, SGP*, SIMAT*, JWD*, TSR* TU

- หุ้น เด่นปี 2560: BANPU, PTTEP, SCB, TU, STEC, DTAC*, PSTC*, KSL*, BA*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH หรือหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



หุ้นแนะนำ

- SCB (172) : การปล่อยกู้โดยปกติเติบโต 2 เท่าของ GDP เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการส่งผลบวกต่อการปรับเพิ่มเป้าการปล่อยกู้และกำไรของหุ้นธนาคาร อีกทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ SSI ปี ก่อนทำให้ภาระตั้งสำรองโดยรวมต่ำ ขณะที่การปรับโครงสร้างการดำเนินงานในธุรกิจประกันมีโอกาสเป็นปัจจัยบวกหนุน

- TU (24.50) : เราคาดกำไรเติบโต 17% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่ของบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 2-3 รวมทั้งต้นทุนมีผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรน้อยกว่าเนื้อสัตว์บก

- SAPPE (40) : เข้าสู่ high season ของเครื่องดื่ม แนวโน้มผลประกอบการ 2560 สดใส ผลักดันจาก 1) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2) การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด 3) การเติบโตของยอดขายตปท.โดยเฉพาะ จีนและอินโดนีเซีย และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน

- TSR (7) : ธุรกิจผ่านจุดแย่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรองที่คาดสูงสุดแล้วในไตรมาส 4/59 ขณะที่รายได้คาดเติบโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่ฟื้น ภัยแล้งที่ลดลง การเปิดสาขาใหม่ การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมถึงการขยายสินค้าในกลุ่มเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

- TTA* (12) : ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 0.90x มูลค่าทางบัญชี เน้นทำสัญญาระยะสั้นทำให้ผลการดาเนินงานสะท้อนการฟื้นของค่าระวางได้ดีกว่า ขณะที่กำไรจากธุรกิจอื่นๆ คาดช่วยให้ Turnaround ได้เร็วกว่าหุ้นเรืออื่น หุ้นที่อื่นที่อาจพิจารณาเก็งกำไร SGP*, TSE*, CHOW*, AOT, BEM*, SINGER*, MOONG*, BAFS*, BKD*