อัดหมื่นล้านแก้หนี้นอกระบบ

อัดหมื่นล้านแก้หนี้นอกระบบ

ครม.ไฟเขียวแก้หนี้นอกระบบ ให้ "ธกส.-ออมสิน" ปล่อยสินเชื่อหมื่นล้าน เป้าหมายผู้มีรายได้น้อย-เกษตรกรรายย่อย 2 แสนราย ไม่เกินรายละ 50,000 บาท

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 ก.พ.) อนุมัติโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินตามที่กระทรวงการคลังเสนอ วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อแห่งละ 5,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยรัฐบาลจะเปิดโครงการใหญ่ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ซึ่งรวมถึงการจดทะเบียนเจ้าหนี้นอกระบบ ให้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้รายย่อยอย่างถูกกฎหมาย หรือพิโกไฟแนนซ์

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการสินเชื่อที่ครม.เห็นชอบ สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการรีไฟแนนซ์หนี้เดิมในระบบ

เกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรรายย่อยไม่เกินรายละ 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.85% ต่อเดือน หรือ 10% ต่อปี ระยะเวลาให้กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี โดยสามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.2560 เป็นระยะเวลา 1 ปี และการค้ำประกันต้องมีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คนหรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สำหรับเกณฑ์การให้สินเชื่อจะพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้ แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ คาดว่าจะครอบคลุมประชาชนที่ขอสินเชื่อ 2 แสนราย

รัฐบาลชดเชยกรณีหนี้เสีย 4 พันล้าน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการนี้เป็นการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (เอ็นดีแอล) สูงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อใดๆของธนาคารได้ ทางรัฐบาลจึงจะชดเชยความเสียหายสำหรับปัญหาหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นจากโครงการ

อัตราการชดเชยเอ็นพีแอลให้กับออมสินและธ.ก.ส. ในกรณีเกิดเอ็นพีแอลไม่เกิน 25% รัฐบาลชดเชยให้ 100% เอ็นพีแอลมากกว่า 25% แต่ไม่เกิน 37.5% รัฐบาลชดเชยให้ 70% และเอ็นพีแอลมากกว่า 37.5% แต่ไม่เกิน 50% รัฐบาลจะชดเชยให้ 50%

“รวมเฉลี่ยทั้งหมดแล้วรัฐบาลจะชดเชยเมื่อเกิดเอ็นพีแอลไม่เกิน 40% ของวงเงินสินเชื่อรวมหรือไม่เกิน 4,000 ล้านบาท”

นายณัฐพร กล่าวว่า ธนาคารออมสินและธ.ก.ส.ได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจตามมติครม.เพื่อรับผิดชอบภารกิจด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นการเฉพาะ แยกต่างหากออกมาจากโครงการปกติของธนาคาร ซึ่งพบว่ามีประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารได้ แต่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียน

ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาล ธนาคารออมสินและธ.ก.ส.จึงได้เสนอโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน สำหรับให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ซึ่งมีภาระดอกเบี้ยสูง และบางครั้งมีการติดตามทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา

มูลหนี้นอกระบบ 1.2 แสนล้าน

“โครงการนี้ จะช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน โดยไม่ต้องไปใช้บริการเงินกู้นอกระบบ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง และในบางกรณียังต้องเจอกับการติดตามทวงถามหนี้ที่ใช้ความรุนแรง ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา แต่เมื่อมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนให้กลุ่มดังกล่าวดีขึ้น" นายณัฐพร กล่าว

จากข้อมูลการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล ในช่วงปี 2552-53 พบว่า มีลูกหนี้นอกระบบในโครงการทั้งสิ้น 1.185 ล้านคน คิดเป็นมีมูลหนี้ประมาณ 123,240 ล้านบาท

ด้านนายสุรศักดิ์ พิชิตผจงกิจ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สศค.กล่าวว่าข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบนั้น ทางสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนได้รับเรื่องเรียนมาตลอด โดยเฉพาะในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามาก แต่ขณะนี้เรื่องร้องเรียนเริ่มลดลง ส่วนหนึ่งเพราะได้เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยและส่งให้สถาบันการเงินรัฐช่วยพิจารณาสินเชื่อบ้างแล้ว

อนุมัติพิโกไฟแนนซ์รับนโยบายรัฐ

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การเปิดให้เจ้าหนี้นอกระบบมาจดทะเบียนทำธุรกิจปล่อยเงินกู้รายย่อยอย่างถูกกฎหมาย หรือพิโกไฟแนนซ์ ล่าสุดมีผู้ยื่นขอใบอนุญาตรวมกว่า 80 ราย ในจำนวนนี้ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการแล้ว 1 ราย และยังมีอีก 11 รายที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

นายกฤษฎา คาดว่าการเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลวันที่ 27 ก.พ.นี้ จะสามารถออกใบอนุญาตให้ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบได้ทั้งหมด โดยรัฐบาลต้องการให้มีผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์อยู่ทุกจังหวัด เพราะแต่ละรายจะสามารถปล่อยเงินกู้ได้เฉพาะในจังหวัดของตัวเอง

ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ2เดือนเม.ย.

ส่วนการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ 2 ในต้นเดือนเม.ย.นี้ นอกจากจุดเปิดรับลงทะเบียนเดิมตามสาขาของธนาคารรัฐ 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส.แล้ว คาดว่ากรมบัญชีกลางจะเปิดให้ลงทะเบียนที่คลังจังหวัดทุกจังหวัดด้วย

นอกจากนี้ เท่าที่หารือธนาคารรัฐเห็นว่าเดือนเม.ย.มีวันหยุดหลายวัน จึงอาจขยายเวลาเปิดรับลงทะเบียนถึงกลางเดือนพ.ค.จากนั้นกรมบัญชีกลางจะออกบัตรประจำตัวให้ โดยอาจให้ใช้สีแตกต่างกันตามระดับรายได้ของประชาชน

ส่วนสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณา ซึ่งผู้ถือบัตรแต่ละสี หรือแต่ละระดับรายได้จะได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกันตามระดับรายได้ รวมถึงคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ก็จะมีสิทธิประโยชน์ต่างกัน เช่น คนกรุงเทพฯ ได้ใช้รถเมล์ฟรี ขณะที่คนต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิประโยชน์นี้ เป็นต้น

เผย2แสนคนยังไม่ได้รับเงินรอบแรก

นายกฤษฎา กล่าวว่า การเปิดรับลงทะเบียนรอบแรกมีจำนวนทั้งหมด 8.2 ล้านราย แต่ผ่านการตรวจสอบตรงตามคุณสมบัติ 7.7 ล้านราย ในจำนวนนี้ได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐแล้วประมาณ 7.5 ล้านราย ส่วนที่เหลือ 200,000 ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มารับเงิน

ส่วนการลงทะเบียนรอบ 2 น่าจะมีจำนวนมากกว่ารอบแรก เพราะผู้ที่ลงทะเบียนรอบแรกแล้วจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ด้วย แต่หลังจากได้รับบัตรประจำตัวรอบใหม่นี้แล้วปีต่อไปไม่ต้องมาลงทะเบียนอีก เพียงแต่มาอัพเดตข้อมูลเท่านั้น ซึ่งบางคนอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจนไม่ถือว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยอีกก็ได้