'ไผ่ ดาวดิน' นอนคุกต่อ หลังศาลพิจารณาลับ

'ไผ่ ดาวดิน' นอนคุกต่อ หลังศาลพิจารณาลับ

ขังอีก 12 วัน “ไผ่ ดาวดิน” ประท้วงให้ทนายออกนอกห้อง ขอซักพยานเอง หลังศาลพิจารณาลับฝากขังผลัด 5

เวลา 12.30 น. วันที่ 20 ม.ค.2560 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของ “ไผ่ ดาวดิน” หรือนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ได้เปิดเผยว่า วันนี้ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดไต่สวนคำร้องของพนักงานสอบสวนว่าจะขังไผ่ตอ่ไปอีก 12 วันหรือไม่ โดย 09.30 น.ญาติและทนายได้มา ก่อนจะมีการไต่สวนศาลได้มีคำสั่งแจ้งต่อผู้เข้ารับฟังการพิจารณาว่าการไต่สวนวันนี้ศาลจะให้พิจารณาคดีโดยลับ ซึ่งผู้ที่จะเข้ารับฟังการพิจารณาจะมีเฉพาะไผ่ พ่อแม่และทนายความเท่านั้น ส่วนคนอื่นผู้สังเกตการณ์ญาติพี่น้องไม่สามารถเข้าฟังได้

ไผ่ได้โต้แย้งคัดค้านการพิจารณาโดยลับ ให้เหตุผลว่าการพิจารณาคดีในชั้นนี้เป็นแค่การพิจารณาว่าจะขังต่ออีกหรือไม่ ตำรวจขอผลัดฟ้องฝากขังมาตลอด ตามคำร้องก็ระบุตามคำร้องก็เสนอความเห็นต่อคณะทำงานของพนักงานสอบสวน ซึ่งการพิจารณานี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของคดี ซึ่งศาลกังวลว่าเป็นคดีมาตรา 112 ซึ่งทางทนายความและตัวผู้ต้องหาคือไผ่ได้คัดค้านว่า เรื่องนี้เป็นแค่การไต่สวนว่าควรจะขังต่อหรือไม่ ควรจะเปิดให้มีการไต่สวนโดยเปิดเผย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและตามหลักกฎหมายทั่วไป การสอบสวนหรือไต่สวนคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน เพราะนี้เป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของผู้คนและเป็นเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของคดี

ทางผู้พิพากษาได้ปรึกษาแต่ศาลก็ยืนยันเป็นการพิจารณาคดีโดยลับ ห้ามผู้เกี่ยวข้องอยู่ในห้อง โดยเด็ดขาด ไผ่แจ้งศาลว่าไม่ประสงค์ให้ทนายความอยู่ในห้องพิจารณาเพราะไม่เปิดอยู่แล้ว ขอให้เชิญทนายความทั้งหมดออกจากห้องพิจารณา จึงมีแค่พ่อเท่านั้นที่อยู่ในห้องพิจารณา

และศาลได้สั่งให้ขังไผ่ต่อไปอีก 12 วัน คดีนี้ให้ขังได้ทั้งหมด 84 วัน ซึ่งขังมาตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.ทราบจากพ่อของไผ่ว่าไผ่ชี้แจงต่อศาลว่าไม่จำเป็นขังต่อไป คดีนี้ให้ทนายความออกไปเพราะต้องการให้เห็นว่ากระบวนการที่กระทำไปว่าไม่ตรงกับข้อกฎหมายที่เรียนรู้ สุดท้ายก็ไม่ได้เซ็นลงลายมือรับรองกระบวนการพิจารณาของศาล ทนายก็พยายามอธิบายต่อผู้พิพากษาถึงที่สุดแล้วและไผ่ไม่ต้องการให้ทนายอยู่ในห้องพิจารณา ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ทนายลงลายมือชื่อ ก็ไม่สามารทำได้เพราะทนายไม่ได้อยู่ในกระบวนการพิจารณา ไม่รู้ว่าไต่สวนอะไรไปบ้าง ยอมสละสิทธิไม่เหลือสิทธิเสรีภาพต่อสู้ตามกฎหมายอีกต่อไป

ด้านนายวิบูลย์ กล่าวว่า ตรงที่ไม่ต้องการทนายจุดหนึ่งที่ไผ่ว่าไม่เป็นธรรมมากหากให้มีคนหลายคนครูอาจารย์มาช่วยดูมุมมองมากขึ้นในเชิงกฎหมาย แต่ศาลก็บอกว่าศาลมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดูอ่านรายงานศึกษาได้ ไผ่บอกว่าสิ่งที่ผ่านมาดูรายงานของศาลไม่สามารถเห็นกระบวนการ อากัปกิริยาของศาลได้ ของพนักงานสอบสวน เวลาเบิกความติดขัดมากตอบอะไรไม่ได้ หรือการฝากขังงวดที่แล้วก็ไม่รู้ว่ามีการฝากขัง ที่ไม่ได้รับข้อมูล อยากให้ช่วยกันดูเรื่องจริง ศาลก็ไม่ยอม

การไม่รับจึงไม่ต้องการทนายเพราะไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่มีอะไรประกันเชิงกระบวนการยุติธรรมจึงทำหน้าที่ซักค้าน แถลงเอง ระหว่างแถลงก็สู้แบบแม้จะแพ้ก็จะทำ ซักค้านพนักงานสอบสวนก็ตอบอะไรไม่ได้ พูดโยงโน่นนั่นนี่ศาลก็จดเหมือนเดิม ใช้เวลาตอบคำถามนานจนเกินไป พยายามพูดว่าเรื่องการคัดค้านการฝากขัง ไม่ใช่การประกันตัว ซึ่งศาลจะแทรกและจะมีการชี้นำว่า มันเป็นอำนาจตามกฎหมาย ที่พนักงานสอบสวนมีอำนาจฝากขังครั้งละ 12 วัน จึงมีการโต้เถียงกัน และแย้งว่าอย่าลืมการฝากขังต้องมีการคำนึงถึง สิทธิของผู้ต้องหาเหมือนกันว่าจำเป็นต้องฝากหรือไม่ ถ้าจะศาลจะยึดแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอาจำเลยมาในการฝากขัง ไปเปลี่ยนกฎหมายใหม่เลย ว่าไม่ต้องถามจำเลยหรือผู้ต้องหาเพราะเป็นสิทธิของพนักงานสอบสวนตามที่ศาลว่า ซึ่งเถียงกันลั่นแต่สุดท้ายศาลก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ออกคำสั่งนี้ออกมา ซึ่งผมกับไผ่ก็รู้แล้วผลจะออกมาแบบใด

นายวิบูลย์กล่าวอีกว่า อยากจะแถลงว่าตอนนี้ไม่ย่อท้อแต่เราจะต่อสู้ต่อไปไม่ใช่เรื่องการประกันตัว การคัดค้านการฝากขัง หรือเรื่องเรียนไม่ได้เรียนแล้ว เพราะมันเลยไปแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของการกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ถ้าปล่อยให้กระบวนการของกรณีไผ่ เป็นอย่างนี้ทั้งระบบ สังคมจะเป็นอย่างไร ให้ยืนยันว่าเราไม่สั้เรื่องประกันไม่สูเรือ่งคัดค้าน แต่เราจะสู้กระบวนการยุติธรรมของประเทศชาติ และอีกอันของแถลงไปนะว่า ที่ออกข่าวไปกันเยอะๆที่บอกว่าไผ่ได้สอบวันที่ 17-18 โดยมีหน่วยงานนั้นนี้มหาวิทยาลัยคุยกันหลายส่วน และได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เป็นเรื่องโกหก ทุกวันนี้ไผ่ยังไม่ได้สอบและจะสอบเมื่อไหร่ยังไม่รู้เพราะยังไม่ได้คุยกัน