BJC - ซื้อ

BJC - ซื้อ

ราคาดี มีศักยภาพสูง

ประเด็นการลงทุน

ราคาหุ้น BJC กลับมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจหลังจากปรับตัวลดลง 13.6% จากจุดสูงสุดในวันที่ 28 พ.ย. (โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นหลังจากถูกเพิ่มเข้าไปในดัชนี MSCI) เราเชื่อว่า BJC เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตในภูมิภาคที่น่าสนใจและชัดเจน โอกาสที่จะปรับประมาณการต่อเนื่องมีค่อนข้างมาก เนื่องจากเรายังไม่ได้รวมการขยายตัวของ BIGC ในประเทศลาวและกัมพูชา, โอกาสในการซื้อ MM Mega Market ในประเทศเวียดนามจากกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นหรือ TCC และการก่อตั้งบริษัทอาหารเพื่อป้อนอาหารพร้อมรับประทานให้แก่ร้านสะดวกซื้อในเครือ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 ที่ 55 บาท

จัดทัพค้าปลีก

BJC มีแผนที่จะใช้แบรนด์ BigC ในการสร้างอาณาจักรค้าปลีกในภูมิภาค โดย BIGC ได้เข้าซื้อ MM Mega Market 2 แห่ง ในประเทศไทยจาก TCC (บริหารโดย BJC) และเปลี่ยนชื่อเป็น บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ส่วน M-Point ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาวอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็น Mini BigC ในขณะที่สาขา BigC แห่งแรกในประเทศกัมพูชาน่าจะเปิดให้บริการในปี 2561 อย่างไรก็ตาม BJC ไม่สามารถใช้แบรนด์ BigC ในประเทศเวียดนามได้เพราะกลุ่มเซ็นทรัลถือสิทธิการใช้แบรนด์ BigC ในประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตามกลุ่มเซ็นทรัลอาจคืนสิทธิดังกล่าวให้กับ BIGC เพื่อมาสร้างแบรนด์ของตนเองและไม่ต้องจ่ายค่าการใช้สิทธิให้กับ BIGC หากเป็นเช่นนั้น BJC อาจรีแบรนด์ MM Mega Market ในเวียดนาม (ซึ่ง TCC เป็นเจ้าของแต่บริหารโดย BJC) มาเป็น BigC ในขณะที่ B’s Mart ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่เป็นอันสามในประเทศเวียดนามอาจรีแบรนด์เป็น Mini BigC

การขยายตัวสู่ทั้งภูมิภาค

ศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย, กัมพูชา, ลาวและเวียดนามอาจปูทางให้กับ BJC สู่การเป็นหนึ่งในค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จำนวนสาขาของ B's Mart มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 160 สาขาในสิ้นปี 2559 จาก 121 สาขาเมื่อสิ้นปี 2558 และอัตราการขยายสาขาน่าจะอยู่ที่ 40-50 สาขาต่อ 1 ปี ส่วน MM Mega Market ในเวียดนามอาจเริ่มกลับมาทำกำไรได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งอาจทำให้ BJC ใช้สิทธิซื้อธุรกิจจาก TCC ที่ราคาทุนบวกค่าใช้จ่ายในการถือครอง นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิด บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศกัมพูชาในปี 2562 และในประเทศลาวหลังจากนั้น สำหรับในประเทศไทยบริษัทเน้นการขยายร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยมีแผนที่จะเร่งขยาย มินิ บิ๊กซี จาก 75 สาขาในปี 2559 เป็น 200 สาขาในปี 2560

กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอุปโภคบริโภคแบบบูรณาการ

นอกจากการขยายตัวไปยังภูมิภาค อีกหนึ่งเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือการสร้างธุรกิจที่มีความต่อเนื่องไปยังต้นน้ำซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นอกจากการผลิตสินค้าเฮาส์แบรนด์ให้ BIGC แล้ว BJC อยู่ระหว่างการก่อตั้งบริษัทผลิตอาหารเพื่อป้อนอาหารพร้อมรับประทานให้แก่ร้านสะดวกซื้อในเครือ โดยโมเดลจะคล้ายคลึงกับ CPRAM ซึ่งบริษัทผลิตอาหารของ CPALL ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่ได้จากการสร้างบริษัทผลิตอาหารนี้ยังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการควบรวมกิจการกับ BIGC มูลค่า 1.7 พันล้านบาท