ปรับเกณฑ์ใหม่รับบจ.กระทบระดมทุน

ปรับเกณฑ์ใหม่รับบจ.กระทบระดมทุน

โบรกเกอร์ รอดูเกณฑ์"ไอพีโอ"ใหม่ ก่อนปรับกลยุทธ์นำบริษัทเข้าระดมทุนทั้งตลาดหลักทรัพย์ ยอมรับกระทบบริษัทขนาดเล็ก

นายพายุพัด มหาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ที่ระบุว่า บริษัทอยู่ระหว่างการรอพิจารณาเกณฑ์ไอพีโอใหม่ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการก.ล.ต. ในช่วงส.ค.นี้ว่า จะกระทบกับแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนหรือไม่ ซึ่งมีความเข้าใจว่า ก.ล.ต.ต้องการยกระดับคุณภาพของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนให้ดีขึ้น

“เราอยู่ระหว่างการรอดูว่า กฏเกณฑ์ที่จะออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะกระทบกับแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนด้วย เพราะมีกระแสข่าวที่จะปรับกฏเกณฑ์เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ทำให้เราต้องดูความเหมาะสมว่า แต่ละบริษัทที่อยู่ในแผนจะเข้าระดมทุนอย่างไร”

ทั้งนี้เข้าใจว่าสำนักงานก.ล.ต. ต้องการยกระดับบริษัท ที่จะเข้าจดทะเบียนให้มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว แต่ต้องการให้สำนักงานได้ผ่อนผันกับบริษัทที่ได้ยื่นเข้าไอพีโอไปแล้ว หรือในบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จะมีการย้ายตลาดหลักทรัพย์ก่อนหน้านี้ด้วย แต่เชื่อว่า การปรับกฏเกณฑ์จะไม่กระทบภาวะตลาดหุ้นไอพีโอปีนี้

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ASP กล่าวว่า สำหรับแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ยอมรับ อาจจะไม่มีบริษัทใดเข้าระดมทุน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ จังหวะการเข้าระดมทุนของแต่ละบริษัท จะไม่สามารถเร่งได้มากนัก และเชื่อว่าหุ้นไอพีโอน่าจะกระจุกตัวมากในปีหน้า

ส่วนวิธีการทำหุ้นไอพีโอของบริษัท จะเน้นคุณภาพสูงสุด โดยบางบริษัทต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมสูงสุด 5 ปี จากบริษัทปกติที่เฉลี่ย 2-3 ปี เพื่อให้การเข้าระดมทุน มีประโยชน์สูงสุดกับบริษัทที่เข้าระดมทุน ดังนั้นจึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีบางกลุ่มบริษัทที่ให้บริษัทเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเขัาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทลูกแล้วกว่า 3 บริษัท

ด้านแหล่งข่าววงการตลาดทุน กล่าวว่า เกณฑ์ไอพีโอใหม่ เป็นสิ่งที่ต้องจับตา เพราะอาจจะกระทบกับหุ้นพีโอในอนาคต และอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของภาครัฐที่ต้องการให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น เพราะหลักเกณฑ์ที่ถูกขยับขึ้นไป เป็นไปได้ยากที่เอสเอ็มอีจะเข้าระดมทุน และอาจกระทบกับหุ้นที่จะเข้าระดมทุนในอนาคต

สำหรับหลักเกณฑ์ที่จะมีการปรับใหม่นั้น คาดว่า จะมีการปรับำหรับทุนจดทะเบียนบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอเป็น 50 ล้านบาท จาก 20 ล้านบาท ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ 3 ปี มีกำไรมากกว่า 10 ล้านบาท จากเดิมเวลาดำเนินธุรกิจ 2 ปี กำไรมากกว่า 0 บาท 

"นอกจากนี้เกณฑ์ใหม่บริษัท ต้องไม่มีขาดทุนสะสม และทุนจดทะเบียนบริษัทเข้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับเป็นทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท"