'สมคิด'เผยรัฐบาลพร้อมฟื้นกองทุน ช่วยเหลือเอสเอ็มอี

'สมคิด'เผยรัฐบาลพร้อมฟื้นกองทุน ช่วยเหลือเอสเอ็มอี

"สมคิด" เผย รัฐบาลพร้อมฟื้นกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอี กำชับแบงก์รัฐออกสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน เตรียมเสนอ ครม.ค้ำประกันผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเปิดงานสมาร์ท เอสเอ็มอี 2016 ว่า ขอใช้โอกาสในช่วงรัฐบาล คสช.ปฏิรูปด้านต่าง ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาการเมืองไทยเหมือนเปลี่ยนผ้าอ้อม รัฐบาลเปลี่ยนแปลงจนขาดเสถียรภาพการเมือง จึงขอใช้โอกาสนี้ปฏิรูปด้านนวัตกรรม ส่งเสริมความรู้ผู้ประกอบการ การลงทุนช่องทางใหม่ ยกระดับสินค้าโอทอป เพื่อวางรากฐานโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างมาก จึงผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติและสั่งให้ยกเครื่องกองทุนพลิกฟื้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ปัจจุบันมีเงิน 1,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท ไม่คิดดอกเบี้ย ระยะเวลา 5-7 ปี โดยต้องการให้กองทุนดังกล่าวขยายบทบาทช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง เพื่อหาทางเติมทุนหมุนเวียนให้กลุ่มดังกล่าว เพราะถือว่าหลายรายมีปัญหาหนี้โดยไม่ทุจริตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นจึงสามารถกลับมาเติบโตได้

นอกจากนี้ ยังสั่งให้กระทรวงการคลังหาช่องทางปรับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ คนรุ่นใหม่มีแนวคิดดีสามารถได้รับสินเชื่อหรือได้รับการดูแล โดยเร็ว ๆ นี้สมาคมธนาคารไทยเตรียมออกสินเชื่อวงเงิน 10,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เอสเอ็มอี ขณะที่แบงก์รัฐทั้งออมสินและกรุงไทยเตรียมออกสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนร้อยละ 4 ตลอดจนการประชุม ครม.สัปดาห์หน้าเตรียมเสนอให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและนวัตกรรมวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมกลุ่มดังกล่าวให้มีโอกาสทำธุรกิจเกษตรแบบใหม่ การต่อยอดสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนกระทรวงการคลังต้องหาช่องทางสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถตั้งธุรกิจ รวมทั้งดึงผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย รวมในศูนย์นวัตกรรมเชื่อมโยงกับภาคเอกชนว่าต้องการให้ช่วยศึกษาวิจัยสิ่งใดบ้าง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ เพื่อต้องการดูแลเอสเอ็มอีให้เข้มแข็งในอนาคต

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวมุ่งไปสู่พัฒนาเอสเอ็มอี 4.0 เนื่องจากขณะนี้จีนล้ำหน้าไทยเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจ 4.5 แล้ว