'สสว.' ชี้ 'จีดีพีSMEs' ขยายตัว 7 ไตรมาสติดต่อกัน

'สสว.' ชี้ 'จีดีพีSMEs' ขยายตัว 7 ไตรมาสติดต่อกัน

"สสว." เผย "จีดีพี SMEs" ขยายตัว 7 ไตรมาสติดต่อกัน รวมมูลค่ากว่า 1.49 ล้านลบ. ขณะที่ภาคท่องเที่ยว-ก่อสร้าง-ขนส่งโลจิสติกส์ครองแชมป์

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของ SMEs หรือ GDP SMEs ในไตรมาสแรกของปี 2559 ปรากฏว่ามีการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.1 นับเป็นการขยายตัว 7 ไตรมาสติดต่อกัน โดยมีมูลค่า 1.49 ล้านล้านบาท โดยสัดส่วน GDP SMEs ต่อ GDP ของประเทศ ขยับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 42.3 จากร้อยละ 41.1 เมื่อปี 2558

ทั้งนี้ การเติบโตของ GDP SMEs ในไตรมาสแรกนี้ มาจากการขยายตัวของภาคบริการเป็นสำคัญ โดดเด่นมากที่สุด คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่ส่งผลต่อภาคการบริการและภาคการค้า สาขาธุรกิจที่มีการขยายตัวสูงในไตรมาสแรกของปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรมและภัตตาคาร ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ส่วนธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ดี ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจบริการทางการเงิน และธุรกิจบริการด้านสุขภาพอีกทั้งจากการที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเติบโต ภาคการก่อสร้างและภาคการค้า ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากโครงการลงทุน และมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ จากภาครัฐ สสว.จึงยังคงประมาณการ GDP SMEs ปี 2559 เท่ากับร้อยละ 5.0-5.5 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs ในเดือนเมษายน 2559 สาขาธุรกิจการท่องเที่ยวและขนส่ง (มวลชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก สอดคล้องกับภาวะการท่องเที่ยวที่ดีมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาว แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการในภาพรวมจะปรับตัวลดลงจากเดือนมีนาคม 2559 เล็กน้อย เนื่องจากการหยุดยาวของธุรกิจในภาคค้าปลีก และภาคบริการบางสาขา

ส่วนผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (Trade & Service Sentiment Index : TSSI) ในเดือนเมษายน 2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงจากเดือนมีนาคม จากระดับที่ 100.4 มาอยู่ในระดับที่ 95.0 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านยอดจำหน่ายและกำไรที่ลดลงจากภาคการค้าปลีก โดยเฉพาะส่วนของค้าปลีกดั้งเดิม และค้าวัสดุก่อสร้างและการขนส่ง (สินค้า) ซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดยาวของธุรกิจในหลายพื้นที่ รวมถึงในภาคอุตสาหกรรมการผลิตด้วย

ขณะที่ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกลับมีดัชนีความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นมาก จากปัจจัยของยอดจำหน่ายและกำไร ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจขนส่ง (มวลชน) ที่ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาก อยู่ที่ระดับ 120.4 และ 114.8 ตามลำดับ ส่วนธุรกิจโรงแรม ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 108.6 ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ยังคงคึกคักในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว ที่ประชาชนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยว

ส่วนสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นลดลง แต่ยังคงมีค่าดัชนีเกินกว่าฐานที่ 100 ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร ซึ่งการปรับตัวลดลงของดัชนีในเดือนเมษายน ถือเป็นทิศทางปกติ เพราะหลายธุรกิจที่ไม่อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวมักจะหยุดยาวเช่นกัน ทำให้รายได้ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า คือจากที่ระดับ 104.8 ในเดือนมีนาคม 2559 เป็นที่ระดับ 105.4 ในเดือนเมษายน 2559 แสดงว่าผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อมั่นในทิศทางอนาคตอีกด้วย