Corporate News (31 พ.ค.59)

Corporate News (31 พ.ค.59)

PTG, ORI, PYLON และ KBANK ซื้อ

PTG : ผู้บริหารเปิดเผยว่า บริษทมั่นใจกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปี 2558 ที่ทำได้ 650.72 ล้านบาท โดยคาดจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2.16% ซึ่งจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากปริมาณการขาย และค่าการตลาดที่ปรับตัวเพิ่ขึ้นมาอย่ที่ระดับ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร จากปีก่อนที่ระดับ 1.6-1.7 บาทต่อลิตร สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/59 จะมียอดการเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 30 % โดยเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายสถานี้น้ำมันทั้งหมด 300 แห่ง สถานีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จำนวน 50 แห่ง รวมถึงขยายสถานีบริการในกรุงเทพและปริมณฑลอีก 25-30 แห่ง

ORI : ผู้บริหารเปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 58 เกือบ 100 % โยในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นเดือนสุดท้ายที่หมดมาตรการลดหย่อนภาษี ลดค่าธรรมเนียมการโอน และลดค่าจดจำนองของภาครัฐ ซึ่งมีผลทำให้ยอดโอนมีมากกว่าปกติ สำหรับยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอนและเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้4,796 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 7,500 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจะทยอยโอน 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,640 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

PYLON : ผู้บริหารเปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ธุรกิจฐานรากในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเริ่มฟื้นตัวตากโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่จะเริ่มก่อสร้างและงานประมูลขนาดใหญ่ที่จะทยอยออกมาช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้การภาคเอกชนในการลงทุนมากขึ้น สำหรัลผลประกอบการในปี 2559 คาดรายได้และกำไรสุทธิยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,236 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกไม่ค่อยมีงานประมูลออกมา ประกอบกับภาคเอกชนชะลอการลงทุนออกไป (ข่าวหุ้น)

Sector News

กลุ่มธนาคารภูมิภาค : ประเทศในภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญสถานการณ์ความไม่สอดคล้องกันของทิศทางเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน ดอกเบี้ยจ่ายที่คาดปรับตัวสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกาจะทำให้เกิด Capital outflow ในขณะที่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในจีนจะส่งผลให้ GDP growth ของประเทศในภูมิภาคอาเซียนเติบในอัตราที่ช้าลง อย่างไรก็ตามเราให้น้ำหนัก มากกว่าตลาด สำหรับกลุ่มธนาคารในประเทศสิงคโปร์ จากการที่เป็น Defensive sector และรัฐบาลสิงคโปร์พร้อมที่จะแทรกแทรงนโยบายการคลัง สำหรับกลุ่มธนาคารในภูมิภาค เราแนะนำซื้อ DBS, OCBC, RBH Cap, KBANK, BBNI และแนะนำขาย HLBK, และ BBRI (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)

                KBANK    ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 192.00 บาท