ADVANC - ถือ

ADVANC - ถือ

แนวโน้มปรับลดอัตราการจ่ายเงินปันผลภายใน 5 ปีข้างหน้า

ประเด็นการลงทุน

ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังคงนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 100% สำหรับในปี 2559 ก็ตาม แต่เราเชื่อว่ามีความไม่แน่นอนสูงมากที่จะบริษัทจะยังคงรักษาระดับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 100% ได้ในระยะยาวเนื่องจากอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงินในส่วนของหนี้สินต่อทุนหรือต่อ EBITDA (ไม่ว่าจะเป็น net debt/EBITDA หรือ debt-to-equity) มีแนวโน้มสูงเกิน 2 เท่า ณ ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทจะต้องเบิกถอนมูลหนี้ก้อนใหญ่สำหรับการจ่ายเงินค่าใบอนุญาตงวดสุดท้ายในปี 2563 นอกจากนี้เราประเมินว่าการเปิดประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิร์ซซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้บริษัทต้องทำการปรับลดอัตราการจ่ายเงินปันผลให้ต่ำกว่า 100% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป เรามองว่าผลกำไรสุทธิของบริษัทกำลังอยู่ในช่วงขาลงตั้งแต่ไตรมาส 3/59 ไปจนถึงปี 2560 ซึ่งจะถูกกดดันจากค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องดีลความร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับทีโอที (ซึ่งจะกลบผลกระทบของค่าใช้จ่ายอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่มีแนวโน้มลดลง) สิ่งที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียวตอนนี้สำหรับหุ้น ADVANC ก็คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.8% สำหรับแค่ปี 2559 เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับหุ้น ADVANC จากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับปานกลางในปี 2559

ความเป็นไปได้ของการปรับลดนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผลในระยะยาว

บริษัทยังคงนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 100% สำหรับในปี 2559 แต่จะมีการทบทวนนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผลอีกครั้งสำหรับในปี 2560 และหลังจากนั้น โดยจะคำนึงถึงความเหมาะสมทางโครงสร้างเงินทุนและความจำเป็นต่อการใช้เงินลงทุน ณ ช่วงเวลานั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหรือต่อ EBITDA ไม่ว่าจะเป็น debt-to-equity หรือ net debt-to-equity หรือ debt-to-EBITDA หรือ net debt-to-EBITDA เราประเมินว่าจะเกิน 2 เท่า ณ ปลายปี 2563 ภายใต้สมมติฐานของอัตราการจ่ายเงินปันผลไม่ว่าจะเป็น 80% 90% หรือ 100% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป เราประเมินว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจะต้องลดลงเหลือ 60% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้อัตราส่วน net debt-to-EBITDA ลงมาอยู่ที่ระดับ 2 เท่า ณ ปลายปี 2560 มิฉะนั้นบริษัทจำเป็นต้องทำการเพิ่มทุนในช่วงปี 2561-62 ในแง่ของสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลของเรา เรายังคงใช้สมมติฐานสำหรับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 80% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลลดลงจาก 5.8% ในปี 2559 เหลือเพียงแค่ 4.6% ในปี 2560-62 และเหลือเพียงแค่ 3.2%-4% ในช่วงปี 2563-71

ค่าใช้จ่ายจากดีลการเป็นพันธมิตรกับทีโอทีจะเริ่มรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2559

การได้มาซึ่งใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซจะไม่ส่งผลให้เกิดการลดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับทีโอทีสำหรับดีลการเป็นพันธมิตรกับทีโอที ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ที่ 9 พันถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี เราคาดว่า ADVANC จะเริ่มทำการบันทึกค่าใช้จ่ายซึ่งได้แก่ ค่าเช่าอุปกรณ์ 2 จี 900 เมกะเฮิร์ซที่จ่ายให้กับทีโอทีหลังจากระยะเวลาการเยียวยาคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย.2559 ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้คลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ซของทีโอทีคาดว่าจะบันทึกเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/59 หลังจากมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับทีโอทีในช่วงเดือนมิ.ย.2559 ในขณะที่การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับทีโอทีสำหรับเสาโทรคมนาคมที่มีปัญหาจำนวน 13,200 ต้นคาดว่ามีแนวโน้มผ่านการอนุมัติจากครม.ในช่วงปลายปี 2559 หรือในปี 2560 และคาดว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่าเช่าเสาโทรคมนาคม 2 จีจากทีโอทีจะรับรู้อย่างเร็วที่สุดภายในปี 2560 ดังนั้นเราจึงคาดว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องดีลเป็นพันธมิตรกับทีโอทีมีแนวโน้มอยู่ที่ 4-5 พันล้านบาทในปี 2559 และ 9 พันถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป

ผลประกอบการกำลังอยู่ในช่วงขาลง

เราประเมินว่ากำไรสุทธิของบริษัทกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงนับตั้งแต่ไตรมาส 3/59 ไปจนถึงปี 2560 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของต้นทุนการดำเนินงาน กำไรสุทธิไตรมาส 2/59 มีแนวโน้มที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและต้นทุนค่าอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์สำหรับลูกค้า 2 จีที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่กำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากการเริ่มบันทึกค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาต 900 เมกะเฮิร์ซและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับดีลพันธมิตรกับทีโอทีเข้ามา รายได้เดือนเม.ย.ยังคงอ่อนแอจากช่วงวันหยุดยาว เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2560 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับดีลพันธมิตรกับทีโอทีและค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาต 900 เมกะเฮิร์ซที่บันทึกเข้ามาเต็มปี (ซึ่งมีแนวโน้มกลบผลกระทบของค่าอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์ที่มีแนวโน้มลดลงในปี 2560)