Daily Market Outlook (30 พ.ค.59)

Daily Market Outlook (30 พ.ค.59)

ใกล้ขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ

หุ้นไทยน่าจะซื้อขายในกรอบแคบวันนี้หลัง Janet Yellenประธาน Fed ชี้ว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในไม่ช้าถ้าตัวเลขดีพอ แม้ว่าหุ้นสหรัฐจะมีแนวโน้มบวกต่อการขึ้นดอกเบี้ยเพราะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่สภาพคล่องในตลาดหุ้นโดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่น่าจะได้รับผลลบ สำหรับภายในประเทศ กสทช. ได้ประเมินเงินลงทุน 1.5 แสนลบ. สำหรับ 4 จี จากภาคเอกชนซึ่งจะเป็นผลบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ และจะมีผลลบต่อผลประกอบการของผู้ให้บริการมือถือด้วยเช่นกันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี แต่จะเป็นผลบวกต่อผู้รับเหมาด้านวิศวกรรมวางระบบครบวงจร


หุ้นเด่นวันนี้: MTLS (ราคาปิด 20.10 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 25.50 บาท)

บมจ. เมืองไทย ลิสซิ่ง ยังคงแสดงการเติบโตของกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ที่ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% QoQและ 54.3% YoYผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้ได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยในไตรมาส 1/59 บริษัทรายงานจำนวนสาขาเท่ากับ 1,114 สาขา เพิ่มขึ้นจาก 681 สาขาในไตรมาส 1/58 และ 940 สาขาในไตรมาส 4/58 เราคาดว่าการเติบโตของ MTLS จะยังคงดำเนินต่อไปซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การขยายสาขา โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมีสาขาจำนวน 1,350 สาขาในปี 59 และ 1,750 สาขาในปี 60 และในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนสาขามากขึ้นในภาคอีสานและภาคใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ที่บริษัทมีเพียง 54 สาขาเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งบอกว่าบริษัทยังมีโอกาสอีกมากในการเติบโต ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเปราะบางในปัจจุบัน แต่ MTLS ยังสามารถรักษาระดับอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ไว้ที่ 0.90% ปรับตัวดีขึ้นจาก 0.92% ณ สิ้นปี 58 เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 53.1% และ 38.4% ในปี 59 และ 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ MTLS ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal เพียงแต่ว่า Price Pattern ของ MTLS น่าจะยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal อยู่ โดย Price Pattern ของ MTLS จะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อสามารถปิดตลาดได้เหนือ 20.50 บาท และจะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 20.20 บาท ทั้งนี้หาก MTLS ได้กลับมาเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High ของ MTLS โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 23.30 บาท (Resistance: 20.20, 20.30, 20.50; Support: 20.00, 19.80, 19.70)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• กสทช. คาดเม็ดเงินลงทุน 4จีสะพัด 1.5 แสน ลบ.ค่ายมือถือคาดว่าจะลงทุน 1.5 แสน ลบ. ภายในปี 61 สอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของการใช้ข้อมูลผ่านมือถือ รองเลขาธิการ กสทช. ระบุว่าการพัฒนานี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอินเทอร์เน็ต กลายเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของอาเซียนภายในปี 63 (Bangkok Post)

• ภัยแล้งกระทบผู้ผลิตปาล์ม สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทยกล่าวว่าอุปทานเมล็ดปาล์มในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาลดลงอย่างมากเพราะภัยแล้ง ทำให้ราคาขึ้นไปถึง 6 บาทต่อ กก. และโรงงานสกัดกับโรงกลั่นต้องประสบกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น บางรายอาจต้องขาดทุนดำเนินงาน (Bangkok Post)

• รมว.กระทรวงพลังงานเห็นชอบให้กลุ่ม PTT เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนที่ Chevron จะขาย หลังจากที่มีประเด็นข่าวว่า Chevron กำลังพิจารณาขายสินทรัพย์ปิโตรเลียมในประเทศไทยและในแถบ Asian ตามแผนการตัดลดค่าใช้จ่าย อ้างอิงจากรายงานพบว่า Chevron กำลังสนใจที่จะขายสัดส่วนการลงทุนในแหล่งก๊าซฯ อาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันถืออยู่ 16% เพิ่มเติมจากเดือนที่แล้วที่มีข่าวว่ากำลังพิจารณาขายสัดส่วนการลงทุนในแหล่งก๊าซฯ ยาดานาในประเทศพม่า ทั้งนี้ PTTEP ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินการหลักในโครงการอาทิตย์และถือหุ้นในสัดส่วน 80% ขณะที่ PTTEP เองก็มีสัดส่วนการลงทุนในแหล่งก๊าซฯ ยาดานาที่ 23% เช่นกัน (Bangkok Post/ Bloomberg) ความเห็น: เราเชื่อว่านี่เป็นโอกาสดีสำหรับ PTTEP ที่จะเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันกำลังค่อยๆ ทยอยลดลง โดยเฉพาะกับแหล่งปิโตรเลียมที่มีความคุ้นเคยอยู่แล้ว ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเงินสดในมือจำนวนมากที่พร้อมจะเข้าซื้อกิจการ อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอความชัดเจนและรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะมูลค่าการเข้าซื้อดังกล่าว เบื้องต้นเรายังคงแนะนำ ถือ สำหรับ PTTEP

• ADVANC (159.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 195 บาท) ชนะประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์เป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่าราคาประมูลเริ่มต้นที่ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อสุดท้ายของการประมูลคราวที่แล้ว บริษัทมุ่งหวังที่จะเก็บเกี่ยวจากเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่น่าจะมาแรง ซึ่งจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะขยายเครือข่าย 4จี ในปีนี้ได้ครอบคลุม 80% ของประชากร เพิ่มจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 50% (Bangkok Post) ความเห็น: บริษัททำถูกแล้วที่เพิ่มความสามารถในการให้บริการในวันนี้ กสทช. จะนำราคาชนะประมูลเหล่านี้ไปกำหนดราคาประมูลในอนาคต หมายความว่าต่อให้รอเวลา ก็ใช่ว่าจะได้ราคาถูก

• BTS (9.00 บ.,ซื้อ, AWS 16 TP 10.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวดปี FY59 (เม.ษ. 58 – มี.ค.59) อยู่ที่ 4.1 พัน ลบ. เพิ่มขึ้น 41% YoY หากไม่รวมรายการพิเศษหลังภาษีจำนวน 2.6 พันลบ. บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1.5 พันลบ. ลดลง 40% YoY BTS ยังประกาศจ่ายปันผลที่ 0.34 บาทต่อหุ้นจากผลประกอบการ 2HFY59 และกำไรสะสม (~8% p.a.) XD 28 ก.ค. 59 (SET) ความเห็น: ผลประกอบการงวด FY59 ออกมาต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus และประมาณการของเราที่ 1.9 พันลบ.หรือต่ำกว่า 20% อย่างไรก็ตอบ ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อการดำเนินงานของบริษัทจากโครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและบริษัทยังมีอีกหลายโครงการที่เริ่มต้นในปีนี้ เรายังคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 10.00 บาท

• THCOM (25.25 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 49 บาท) ยิงดาวเทียมไทยคม 8 สู่วงโคจรได้สำเร็จ คาดจะใช้เวลาทดสอบราว 1 เดือนก่อนให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ (THCOM)ความเห็น: ไทยคม 8 เป็นอีกดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรที่ได้รับความนิยม ซึ่งจะหนุนรายได้สำคัญ

ต่างประเทศ

• ข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์จะเป็นประเด็นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ หลังจากมีสมาชิกของคณะกรรมการเฟดบางรายเสนอแนะให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจากที่อ่อนแอในไตรมาส 1/59 (Reuters)

• ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นหลังจากนางเจเน็ต เยลเล็น ประธานเฟดกล่าวว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นเรื่องเหมาะสมหากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 8/32 และผลตอบแทนอยู่ที่ 1.851% เพิ่มขึ้นเกือบ 3 bps จากเมื่อวันพฤหัส (Reuters)

• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันศุกร์ หลังจากนางเจเน็ต เยลเล็นประธานเฟดเปิดโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้น 0.60% อยู่ที่ 95.745 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ 29 มี.ค. โดยพุ่งขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 91.919 จุดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. (Reuters)


สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ และปิดบวกอย่างแข็งแกร่งที่สุดในสัปดาห์ก่อนนับแต่เดือนมี.ค. หลังจากนางเจเน็ต เยลเล็น ประธานเฟดกล่าวว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็นเรื่องเหมาะสม “ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า” นางเยลเล็นให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวเพียงพอที่จะรองรับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น และมีจำนวนนักลงทุนมากขึ้นในตอนนี้ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.หรือก.ค. (Reuters)

• ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/59 ครั้งที่ 2 อยู่ที่ 0.8% เทียบกับประมาณการที่ 0.9% การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวในไตรมาส 1/59ถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ จีดีพีขยายตัว 0.8% ต่อปีสูงกว่าที่ได้รายงานไว้ในเดือนก่อนที่ 0.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดนับแต่ไตรมาส 1/58 นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตรา 0.9% (Reuters)

• เทรดเดอร์ต่างคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 34% จากเดิมที่ 30% จากข้อมูลของ CME Group หลังจากถ้อยแถลงของนางเยลเล็น (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ยังสามารถทรงตัว โดยยังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสวิสเซอร์แลนด์ ขณะที่หุ้น Roche ซื่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาปรับตัวสูงขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ออกมาในเชิงบวก (Reuters)

• ECB ยังคงนโยบายทางการเงินไว้เช่นเดิมและน่าจะคงนโยบายไว้เช่นเดิมไปอีกระยะหนึ่งและมุ่งเป้าความสำคัญไปที่การใช้มาตรการกระตุ้นที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือน มี.ค. (Reuters)

เอเชีย:

• นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ว่า ทางการวางแผนที่จะชะลอการเพิ่มขึ้นของภาษีการขายออกไป 2 ถึง 2 ปีครึ่ง เป็นการแถลงอย่างเป็นทางการของรัฐบาลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมารัฐบาล ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ (Reuters)

• ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนเมษายนลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน บ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของภาษีการขายทั่วประเทศที่กำหนดไว้สำหรับเดือนเมษายนปีหน้าควรถูกเลื่อนออกไป ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นลดลง 0.8%YoY ในเดือนเมษายน น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์เฉลี่ยว่าจะลดลง 1.2% ตามข้อมูลของรัฐบาลที่ประกาศในวันจันทร์แสดงให้เห็นถึงการลดลงเร็วที่สุดตั้งแต่มีนาคม 2558 (Reuters)

• ราคาผู้บริโภคพื้นฐาน หรือเงินเฟ้อ ลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนเมษายน การบริโภคที่อ่อนแอทำให้บริษัทไม่อาจขึ้นราคาสินค้า และเพิ่มความกลัวที่จะเกิดภาวะเงินฝืด และเป็นแรงกดดันให้ BOJ ต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้นที่จะคงเป้าหมายเงินเฟ้อ เงินเฟ้อพื้นฐานทั่วประเทศรวมราคาพลังงานแต่ไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านอาหารสดที่ผันผวน ปรับตัวลดลง 0.3%YoY ในเดือนเมษายน สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม เป็นการปรับตัวลดลงYoYที่มากสุดในรอบสามปี (Reuters)

• PBOC หรือธนาคารกลางของจีน ประณาม รายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศสองแห่งเกี่ยวกับการปฏิรูปสกุลเงินและการดำเนินนโยบายการเงิน ว่ารายงานข่าวเท็จ ชี้นำผู้อ่านและตลาดในทางผิด ซึ่งธนาคารกลางจะตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมัน: ราคาน้ำมันลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรจากการขึ้นต่อเนื่องสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่บางส่วนก็กังวลเกี่ยวกับการผลิตที่สูงขึ้น จากการที่ราคาขึ้นมาแตะ 50 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 27 เซนต์ (-0.5 %) ที่ 49.32 เหรียญฯ/บาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 15 เซนต์ ( -0.3 %) ปิดที่ 49.33 เหรียญฯ/บาร์เรล ข้อมูลจากอุตสาหกรรมบริษัท เบเคอร์ ฮิวจ์ส แสดงให้เห็นในวันศุกร์ว่า ยอดแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ หยุดการปรับตัวลดลง มีเพียง 2 แท่นขุดเจาะที่ว่างงานในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะดู ผลของ การประชุมโอเปก (2 มิ.ย.) ว่าจะมีการส่งออกเพิ่มเติมจากซาอุดีอารเบียและอิหร่านในการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือไม่ (Reuters)

• ทองคำร่วง 1% ต่ำสุดรอบ 3 เดือนวันศุกร์เป็นลบต่อเพราะเพิ่มการคาดการณ์ว่า Fed จะแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.9% ปิด 1,208.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)