'บุญยอด' อัดกกต. ไม่กล้าจัดเวทีดีเบตร่างรธน.

'บุญยอด' อัดกกต. ไม่กล้าจัดเวทีดีเบตร่างรธน.

“บุญยอด” อัดกกต.ล่าช้า-สื่อหัวหด ไม่กล้าจัดเวทีดีเบตร่าง รธน. บี้เร่งเปิดเวทีให้ความรู้รอบด้าน

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.59 ให้เพิ่มเวทีในการถกเถียงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม พอเพียงต่อการอธิบายเนื่องจากเป็นกติกาสูงสุดของประเทศ และขอให้สื่อมวลชนมีความกล้าหาญในการจัดรายการเพื่อฟังความทั้งสองข้าง เพราะในขณะนี้เหลือเวเลาอีกเพียง 70 วันก็จะถึงวันลงประชามติแล้ว

นายบุญยอด กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ประชามติเมื่อวันที่ 22 เม.ย. มาจนถึงวันนี้ เท่ากับเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งในสามของระยะเวลาทั้งหมดก่อนจะถึงวันลงประชามติ แต่ กกต.ยังไม่สามารถเปิดเวทีให้มีการถกเถียงทั้งสองฝ่าย มีเพียงการจัดเวทีสำหรับการอธิบายถึงสิ่งที่ภาครัฐได้ดำเนินการไปเท่านั้น เหมือนกับ กกต.ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ แม้จะมีการจัดรายการผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และสถานีโทรทัศน์รัฐสภา แต่ก็เป็นการเลือกเชิญเฉพาะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือเปิดเทปคำสัมภาษณ์ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น โดยไม่มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านรายการเดียวกันแม้แต่ครั้งเดียว

“ตามแผนงานของกกต.ที่จะจัดรายการโทรทัศน์จะเริ่มต้นวันที่ 27 มิ.ย. โดยจะมีการออกอากาศทั้งหมด 13 ครั้ง สัปดาห์ละ 2 วัน แบ่งสัดส่วนให้ กกต.ชี้แจง 2 ครั้ง กรรมการร่าง 3 ครั้งและสนช.อีก 2ครั้งรวม 6 ครั้งส่วนที่เหลืออีก 7 ครั้งให้สถานีโทรทัศน์พิจารณาหาผู้ร่วมรายการเอง น่าจะหมายความว่าให้เชิญ 2ฝ่ายมาคุยกัน สัดส่วนแบบนี้มองยังไงก็ไม่เป็นธรรมเพราะเท่ากับ 6ครั้งแรกเอียงไปอยู่ข้างของผู้ร่างและผู้เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าการให้พื้นที่อย่างเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยในส่วนของผู้เห็นต่างได้พื้นที่ไม่ถึง 25 % ในขณะนี้หากเปรียบเหมือนมวยก็จะเหลือเพียงแค่สองยกสุดท้ายเท่านั้น สถานีโทรทัศน์จึงควรกล้าที่จะจัดรายการให้ความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญที่เท่าเทียมกับประชาชนในฐานะสื่อสารมวลชนเพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว หากจัดทำประชามติในขณะที่การให้ข้อมูลไม่เพียงพอ ขาดความเสรีและเป็นธรรมจะทำให้กระบวนการจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะทำให้เสียของในที่สุด " นายบุญยอด กล่าว