ผู้ตรวจฯสอนมวย 'ปตท.' บอกศาลปกครองรับคดีคืนท่อก๊าซแล้ว

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้บริหารบริษัทปตท. จำกัดมหาชน ออกมาปฏิเสธว่าศาลปกครองไม่ได้รับคำฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งทวงคืนทรัพย์สินจากบริษัท ปตท. เนื่องจากไม่คืนท่อก๊าซธรรมชาติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ว่า ประเด็นนี้น่าจะเป็นการตีความของบริษัท ปตท. จากคำสั่งของศาลปกครองที่ชี้แจงกลับมาที่ระบุเป็นคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณากับผู้ถูกฟ้องคดีบางราย

แต่ถ้าพิจารณาในคำสั่งดังกล่าว ศาลระบุว่าผู้ตรวจฯมีสิทธิฟ้องกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. เพราะถือเป็นหน่วยงานทางปกครองของรัฐตามมาตรา 42 ประกอบ มาตรา 43 ของพ.ร.บ.จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีทางปกครอง 2542 แต่ในคำสั่งก็ชี้แจงว่าบุคคลทั้ง 8 ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องนั้น พ้นจากการดำรงตำแหน่ง ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในขณะที่ผู้ตรวจยื่นฟ้อง จึงไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องในส่วนที่ฟ้องบุคคลทั้ง 8 คน ดังนั้น จึงเป็นการตีความได้ว่าศาลไม่ใช่ไม่รับคำฟ้องทั้งหมด แต่เป็นการไม่รับเฉพาะบุคคลทั้ง 8 ที่ไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจ ส่วนคำฟ้องหน่วยงานของรัฐ ศาลปกครองสามารถรับไว้พิจารณาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งคดีหมายเลขดำที่ 510/2559 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา (ผู้ถูกฟ้องคดีบางราย) ศาลปกครองกลาง โดยระบุว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2550 เป็นเพียงการกำหนดแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวจึงมิได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่บุคคลใดที่จะเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีเพื่อเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้แต่อย่างใด แต่ศาลเห็นว่ามูลเหตุแห่งการฟ้องคดีที่แท้จริงมาจากการที่ผู้ตรวจฯ เห็นว่า กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ผู้รับมอบทรัพย์สินคืนจากบริษัท ปตท. ไม่ดำเนินการตามคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 ธ.ค. 2550 และกระทรวงพลังงาน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดบริษัท ปตท. ละเลยไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงพอแปลความได้ว่า ประสงค์ที่แท้จริงในการฟ้องคดีของผู้ตรวจการแผ่นดิน คือการฟ้องว่าหน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดีละเลยไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้แบ่งแยกทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน