'ประยุทธ์'เห็นด้วยขึ้นภาษีบุหรี่

'ประยุทธ์'เห็นด้วยขึ้นภาษีบุหรี่

นายกฯเผยเห็นด้วยขึ้นภาษีบุหรี่ เพิ่มราคาซองละ 5-10 บาท ขอประชาชนอย่าโง่เสพสิ่งไม่บริสุทธิ์ ด้าน"ยาสูบ"สั่งลดกำลังการผลิตลง10-15%

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2558 และแถลงแผนงานปฏิบัติงาน ประจำปี 2559 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ถึงการขึ้นภาษีบุหรี่ของกระทรวงการคลังที่มีผลบังคับใช้ในวันเดียวกันนี้ (10 ก.พ.)นี้ ว่า บุหรี่ขึ้นราคาซองละ 5-10 บาท

แต่ก็ยังไม่เลิกเพราะถือเป็นว่าสุขของคนจน เหล้าก็เช่นกัน ซึ่งหากจะเลิกก็ต้องเลิกด้วยตนเอง กฏหมายคงทำอะไรไม่ได้ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยในการขึ้นราคาเพื่อให้คนลดการสูบบุหรี่ แต่คงไม่สามารถห้ามได้เพราะจะกระทบกับการค้ากับต่างประเทศ ขอประชาขนอย่าโง่ เสพอะไรที่ไม่บริสุทธิ์ ก่อนสูบดูด้วยว่ายัดอะไรสกปรกโสโครกมา ติดไปแล้วตายทุกคน พอเลิกก็เป็นหนี้ อย่างดิ่มเหล้าก็เมาหัวทิ่ม ไม่มีเงินจ่ายก็ยังยอมเป็นหนี้อีก

ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คและเปลี่ยนอากรแสตมป์

ผู้บริหารโรงงานยาสูบ ได้ประชุมวันนี้ (10 ก.พ.) เพื่อปรับแผนการผลิตและการตลาดรองรับการปรับขึ้นภาษีสรรพาสามิตบุหรี่ ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผลทำให้ราคาบุหรี่ปรับขี้นเฉลี่ยประมาณ10 บาทต่อซอง  

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า โรงงานยาสูบจะปรับขึ้นราคาบุหรี่ทันที เพราะมีภาระต้นทุนที่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นทันทีเช่นเดียวกัน โดยยาสูบไม่ได้ประโยชน์จากสต็อกบุหรี่ที่มีอยู่ เพราะทางกรมสรรพสามิต จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คและเปลี่ยนอากรแสตมป์เป็นของใหม่ ยกเว้นทางเอเจ้นท์ที่รับซื้อบุหรี่ไป อาจจะได้ประโยชน์จากสต็อกที่มีอยู่ แต่ก็มีจำนวนไม่มาก เพราะมีเพดานการซื้อกำหนดไว้อยู่

"ในตลาดมีการคาดการณ์ไว้แล้วว่า จะบุหรี่จะขึ้นราคาในช่วงต้นปีนี้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปรับขึ้นในช่วงใด ทำให้ที่ผ่านมาเอเจ้นท์ ได้มีการซื้อบุหรี่เต็มเพดานมาตั้งแต่2 สัปดาห์ที่ผ่าน เพื่อกักตุนบุหรี่ไว้ อย่างไรก็ตามการกักตุนทำได้ไม่มาก เพราะมีเพดานการซื้อคุมไว้อยู่"

คาดยอดขายตกไม่ต่ำกว่า 30-40%

ที่ผ่านมา ราคาบุหรี่มีการปรับขึ้นมาตลอด แต่ครั้งนี้ถือว่าปรับขึ้นแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา  บางยี่ห้อปรับขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อซอง ซึ่งมีผลต่อยอดขายบุหรี่อย่างแน่นอน ตามสถิติในอดีต หากบุหรี่ปรับขึ้นจะกระทบทำให้ยอดขายลดลงประมาณ 30-40%ในช่วง 3 เดือนแรก ก่อนที่จะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ผลกระทบในครั้งนี้ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าที่ผ่านมา

จากยอดขายที่มีแนวโน้มปรับลดลง ทำให้โรงงานยาสูบสั่งปรับลดกำลังการผลิตลงทันทีเฉลี่ย 10-15% จากที่มีการผลิตอยู่ประมาณ 100 ล้านมวนต่อวัน จากก่อนหน้านี้ได้ปรับลดกำลังการผลิตแล้วรอบหนึ่ง เพื่อเตรียมรองรับการปรับขึ้นราคาบุหรี่ ปรับลงมาอยู่ที่ระดับกว่า 80% หรือผลิตอยู่ประมาณ 120 ล้านมวนต่อวัน  โดยจะมีการประเมินสถานการณ์ตลาดอีกครั้งใน 2 สัปดาห์ เพื่อวางแผนปรับการผลิตให้สอดคล้องกับตลาด 

หวั่นบุหรี่เถื่อนทะลักเข้าชายแดน

"ยอดขายที่ลดลง จากการปรับขึ้นราคาบุหรี่ กระทบต่อรายได้และกำไรของยาสูบแน่นอน  แต่เนื่องจากเป็นดารปรับขึ้นทั้งระบบ  ที่ทั้งเราและคู่แข่งได้รับผลดระทบเหมือนกัน ก็ถือเป็นแฟร์เกม ที่สำคัญรัฐยังมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น  แต่ในส่วนเป้าหมายกำไรที่เป็นตัวประเมินผลงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัญวิสาหกิจ(สคร.)และมีผลต่อโบนัสนั้น อาจตะต้องมีการเจรจากับทางสคร."

น.ส.ดาวน้อย กล่าวต่อว่า สิ่งที่จับตาหลังจากนี้คือ การลักลอบนำเข้าบุหรี่ที่ผิดกฏหมาย หรือบุหรี่หนีภาษี ที่จะทะลักเข้ามาตามชายแดน เป็นเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นตามมาในข่วงที่บุหรี่มีการขึ้นราคา ยาสูบได้ให้เจ้าหน้าที่เกาะติดสถานการณ์ตามตะเข็บชายแดน แล้วแจ้งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะนาสูบไม่มีอำนาจในการจับกุม