ควันหลง...เมื่อแสงแรก

ควันหลง...เมื่อแสงแรก

ท่านผู้อ่านจำที่ผมเล่าเรื่องผาชะนะไดเมื่อครั้งออกพรรษา

ที่ผมเล่าว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าไปในป่าลึกถึงผาชะนะได แล้วเปิดเพลงในรถชนิดหันลำโพงใส่กัน เอากีตาร์ไฟฟ้าไปเล่น วงเหล้า วงสุราเฮฮาดังลั่นป่า จนดึกดื่น เจ้าหน้าที่อุทยานฯที่มีเพียง 2 คน ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ได้ไหมครับ


ครั้งนั้นผมบอกว่า ที่ผาชะนะไดนี้จังหวัดอุบลเขาจะจัดงานรับแสงแรกของปีใหม่ทุกปี แต่ละปีก็จะจัดเวทีการละเล่น มีเครื่องเสียง ผู้คนเข้าไปร่วมงานกันเป็นพันๆ ที่สำคัญคือมันเข้าไปจัดกลางป่าลึก นั่งรถเข้าไปเป็นสิบๆ กิโลเมตร เรียกว่าใจลางป่าดงนาทามเลย พอผมไปเห็นตอนออกพรรษาผมก็เลยเขียนขมวดท้ายเป็นทำนองขอร้องท่านผู้ว่าฯอุบลว่า อย่าจัดงานที่ผาชะนะไดอีกเลย ปล่อยให้ธรรมชาติมันอยู่ของมันแบบนั้นเถอะ อย่ายึดเอาการท่องเที่ยวมากจนธรรมชาติป่นปี้เสียหายเลย อุบลมีอะไรดีๆ อีกตั้งมากมายที่เอามาขายได้โดยธรรมชาติก็ไม่พัง


ความเปลี่ยนแปลงของข้าราชการยุคนี้ที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ฟังเสียงชาวบ้าน ไม่เหมือนยุคก่อนๆ พอนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งถือหาง จะทำอะไรชาวบ้านค้านก็ไม่สน เรื่องนี้ นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่รักษาการตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ท่านรู้ข่าว ก็พลอยเป็นธุระ ถามไถ่ไปที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้มให้แนวทางการทำงานของอุทยานฯผาแต้มในเรื่องนี้


ประกอบกับผมเดาเอาเองว่า ท่านผู้ว่าอุบลราชธานี นายสมศักดิ์ จังตระกุล น่าจะพอรู้เรื่องนี้เพราะผมส่งบทความไปให้ท่านด้วย ปรากฏว่าปีนี้เขาย้ายการจัดงานที่ผาชะนะไดมาที่ผาแต้มที่เดียว บริเวณลานหินที่มีภาพเขียนโบราณใต้หน้าผานั่นเอง ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่ผมก็ตีขลุมเอาว่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคงฟังเสียงคนเล็กคนน้อยแบบผมที่ท้วงติงไป ผมถึงบอกว่านี่เป็นยุคที่ข้าราชการฟังประชาชนมากขึ้น แล้วผมก็ตามไปดูงานเขาอย่างที่ผมเขียนบอกไว้ตั้งแต่คราวออกพรรษา ก็เลยมีเรื่องมาเล่าให้ฟังเอาช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี่เอง


พอมาจัดงานที่ผาแต้มผมไม่คัดค้าน แม้หลายอย่างก็ยังผิดระเบียบกรมอุทยานฯ อย่างการใช้เครื่องเสียง แต่ผมมองว่านี่คือการผสมผสาน การปรับเข้าหากัน ไม่ขึงตึงจนเกินไป ที่ผาแต้มนี้คนมากันง่าย ทางลาดยางถึงที่ ไม่ได้เข้าไปในป่าลึกเหมือนที่ผาชะนะได วิวก็สวยเหมาะกับการรับแสงแรก ซึ่งที่ผาแต้มนี้เป็นที่เดียวที่เห็นทั้งแสงสุดท้ายของปีคือพระอาทิตย์ตกและแสงแรกของปีคือพระอาทิตย์ขึ้นในบริเวณเดียวกัน มันเหมาะเหม็งอย่างมาก ตกก็ลับสายน้ำโขง ขึ้นก็แตะสายน้ำโขง ช่วงปีใหม่ดอกไม้ทั้งหลายก็แห้งหมดแล้ว ทั้งที่นี่ไม่มีพืชพันธุ์หายากเหมือนผาชะนะได เลยกางเต็นท์ทำกิจกรรมบนลานหินได้


สิ่งที่ประทับใจเริ่มแรกคือ อุทยานแห่งชาติผาแต้มเขายังไม่ทิ้งความเป็นอุทยานแห่งชาติ เขาค้นรถทุกคันที่เข้าอุทยานฯ คันไหนบรรทุกเหล้าเบียร์ ปะทัด โคมลอยมา ถูกยึดไว้หมด วันกลับค่อยมาเอาคืน เราเลยเห็นกองเหล้าเบียร์พะเนินเทินทึกอยู่ที่ด่านตรวจด้านนอก อันนี้ต้องปรบมือให้หัวหน้าอุทยานฯ นายนครินทร์ สุทัตโต ที่เข้มงวดดีมาก


บรรยากาศอบอุ่นจริงๆ เพราะอุทยานฯเขาจัดที่กางเต็นท์กระจายกันทั่วลานหิน มีแทงค์น้ำตั้งไว้ให้เป็นจุดๆ สิ่งที่อยากฝากปีต่อไปคือ ต้องขอรถสุขาของเทศบาลหรือจังหวัดมาเพิ่มขึ้น แทงค์น้ำก็ต้องมากขึ้น รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อุทยานฯหรือ อส. เดินตรวจตราตามเต็นท์ที่นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ เตือนเรื่องการก่อไฟ อะไรพวกนี้ด้วย


ผู้คนที่ไปร่วมงานก็น่ารัก พอไม่มีเหล้าก็ช่วยเหลือเฟือฟาย แบ่งปันกันดี ปิ้งย่างอาหารกันสนุกสนาน ไม่เห็นต้องมีเหล้าก็สนุกได้ อากาศตอนมีแดดก็ร้อนหน่อยดีที่มีลม แต่พอพระอาทิตย์ตกลมโกรกเลย เย็นสบายออกไปทางหนาวๆ แล้วพระอาทิตย์ในวันสุดท้ายของปีก็ตกสวยมาก แม่น้ำโขงเป็นสีทองอร่ามเลยงามตา


จังหวัดเขาจัดเวทีมีการแสดง มีพิธีพราหมณ์ ท่านผู้ว่าให้รองผู้ว่าฯ นายคันฉัตร ตันเสถียร ไปเป็นประธานในพิธีแทน ตอนกลางคืนมีการแสดงจนถึงเคาท์ดาวน์ เห็นว่ามีคนแอบยิงพลุเล็กๆ แบบที่ขายกันตามร้านเหมือนกันแต่ไม่มาก คงแอบเอาเข้าไป ปีหน้าอย่าทำครับ บรรยากาศกลางคืนเป็นอะไรที่สุดแสนประทับใจ ลานหินที่โล่ง โปร่ง ลมโกรก ไม่หนาว ไม่ร้อน เย็นสบาย มีเพื่อนกางเต็นท์เยอะแยะ พอไม่มีเหล้า มันดูเป็นมิตรภาพไปหมด ไม่หนวกหู คือบรรยากาศกลางคืนนี่ประทับบใจสุดๆ พอเที่ยงคืนก็เลิกให้คนได้พักผ่อน


เช้าขึ้นมาคนมารอที่หน้าผา นั่งกันสลอนแต่เช้ามืด (รวมทั้งผมด้วย) แล้วมันเป็นอะไรที่เป็นใจจริงๆ เพราะฟ้าใสแจ๋ว ดาวกี่ดวง พระจันทร์รูปร่างอย่างไรเห็นหมด แสงสีทองค่อยๆ ไล่เฉดสีฟ้าทึมๆ ค่อยๆ เป็นสีม่วง แดงข้นๆ สีส้ม จนเป็นสีทอง ทุกสีที่ผมว่าจะทาบลงบนแม่น้ำโขงราวกับกระจกสะท้อน พอพระอาทิตย์ขึ้นคนก็เฮกันเลย มันสวยงามมากๆ พอสว่างก็มีการตักบาตรพระตอนเช้าเป็นอันเสร็จพิธี นักท่องเที่ยวแยกย้ายกันไปเที่ยวที่อื่นต่อ ซึ่งบอกเลยครับว่าเป็นปีใหม่ที่ผมอิ่มใจมาก บรรยากาศบ้านๆ แต่ประทับใจสุดๆ เสียแต่ปีนี้ดอกไม้ที่สร้อยสวรรค์เหี่ยวหมดเพราะไม่มีงบประมาณสูบน้ำไว้เลี้ยงทุ่งดอกไม้ให้อยู่ถึงปีใหม่ นักท่องเที่ยวออกจากผาแต้มอดดูทุ่งดอกไม้ที่ขึ้นชื่อของอุบลไปอย่างน่าเสียดาย งบประมาณไม่กี่บาท ผมว่าท่านผู้ว่าฯ น่าจะเจียดมาไม่ยากกระมังครับ ไหนๆ อวดของดีของอุบลแล้วก็อวดให้สุดๆ ไปเลย


งานนี้ผมต้องปรบมือให้ทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อบจ.อุบลราชธานี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานอุบลที่ได้ ผอ.นพรัตน์ กอกหวาน มาร่วมจัดงานได้น่าประทับใจมาก พอมาเห็นที่นี่ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ในการจัดงานให้มันดี เราไม่เห็นต้องใช้เงินเป็นสิบล้านร้อยล้าน ผมมาเห็นที่อุบล จัดงานรับแสงแรกของปีที่ผาแต้มนี่เป็นแนวทางหนึ่งที่ไม่ต้องยิ่งใหญ่มาก แต่เน้นความเป็นบ้านๆ เน้นความเรียบง่าย แต่งานออกมาน่าประทับใจเช่นกัน งานดีแต่ลงทุนมากกับงานดีแต่ใช้เงินนิดเดียว อันไหนวัดความสามารถคนได้มากกว่ากัน อันนี้ผู้ใหญ่ต้องคิด


ผมไม่ใด้ชมใครบ่อยๆ ท่านผู้อ่านเชื่อใจได้ว่าคงดีจริงผมจึงชม และผมเชิญชวนไว้เลยว่า ปีนี้ท่านไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไหนไม่ว่า แต่ปีหน้า ล็อคเป้าที่ผาแต้มไว้เลย ไม่ผิดหวัง...