พักฐาน

พักฐาน

เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : พักฐาน

ช่วงนี้ตลาดไทยเรียกได้ว่าเข้าสู่ช่วงพักฐานเต็มตัว หลังหลุดแนรับสำคัญที่ 1370 ก็มีสิทธิ์ได้เห็น 1350 จุดได้ในไม่ช้านี้ แรงกดดันยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก หลักๆมาจากกลุ่มสื่อสารทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่พากันลงต่อเนื่อง และแนวโน้มขาลงของกลุ่มนี้ยังไม่จบเร็วๆนี้ เนื่องจากมีการประมูลอีกรอบเดือนหน้า และผลกระทบต่อกำไรจะส่งผลระยะยาวไปถึงปีหน้าด้วย ส่วนทางด้านกลุ่มพลังงานและสื่อสารก็ยังขาดปัจจัยใหม่ๆมาสนับสนุนในช่วงนี้ สรุปโดยรวมว่าตลาดเพลียแน่นอนและความผันผวนจะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ถือเป็นโอกาสดีในการเล่นสั้น ช่วงนี้ถ้าจะเล่นต้องเป็นกลยุทธ์ selective buy (เลือกเฉพาะตัว) บวกกับ defensive (ปลอดภัยไว้ก่อน)

แนวรับ/แนวต้าน : 1350/1380 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์ : เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

นักลงทุนระยะสั้น : ASEFA (6.5), BDMS (25.50)

ASEFA (6.5) ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกำไรและรายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส3 และไตรมาส4 ปีนี้ และได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ส่วนกำไรปีหน้ามีแนวโน้มโต ไม่ต่ำกว่า 20% yoy โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและมีแรงหนุนจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 200 ล้านบาท และงาน government data center ในระยะยาวอีกด้วย

BDMS (25.50) โดยขณะนี้ BDMS มีราคาถูกที่สุดและ upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 20% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 6 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 20% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี

นักลงทุนระยะยาว : SYNTEC (3.80), CK (32)

SYNTEC (3.80) สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตอนนี้มีเพียงตัวเดียวที่ราคายังถูกอยู่และเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลมั่นคงคือ SYNTEC มี margin สูงและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้งบไตรมาส 4 จะดีต่อเนื่องจากงบไตรมาส 2และ3 ที่ดีอยู่แล้วโดยทั้งปี 58 การรับงานทั้งปีจะสูงใกล้เคียง 1 หมื่นล้านบาทถือว่าเติบโตชัดเจนจากปีก่อน นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกในช่วงระยะสั้นนี้ได้แก่งาน CPN, NOBLE, SUPALAI บวกกับแผนการขยายส่วนต่อรถไฟฟ้าของรัฐบาลระยะยาวก็ช่วยให้มีการสร้างคอนโดเพิ่มและประมูลงานก่อสร้างเพิ่ม ทำให้มีรายได้มาเพิ่มระยะสั้นถึงยาวให้ SYNTEC

CK (32) (1)Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปีหน้า (2)การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL น่าจะอนุมัติเร็วๆนี้ (3)นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการลูก บริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1หมื่น7พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปีหน้า (4)Q3 & Q4 sale & earnings ไม่ค่อยดี โครงการ mega projects ประมูลชนะปีนี้เริ่มทำปีหน้า ช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK (5)ราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ "สมคิด" มั่นใจนักลงทุนญี่ปุ่นยังปักหลักลงทุนไทย เตรียมหารือเต็มคณะร่วมมือ การค้าการลงทุน 27 พ.ย.นี้ วอนคนไทยยุติขัดแย้ง สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ เชื่อไทยมีจุดแข็งได้เปรียบด้านยุทธศาสตร์ในอาเซียน ขณะเอกชนระบุธุรกิจญี่ปุ่น ชั่งน้ำหนักระหว่างไทย-เวียดนาม

- สหรัฐเล็งทบทวนสิทธิจีเอสพีไทย หลังสหภาพแรงงานสหรัฐร้องเรียนละเมิดสิทธิแรงงาน "สุวิทย์" ยันไทยเดินหน้าแก้ปัญหาแรงงานเต็มที่ กรมการค้าต่างประเทศประสานแรงงานแจงข้อมูลผ่านสถานทูตถึงยูเอสทีอาร์ ด้านยุโรปจ้องเล่นงานไก่ไทยละเมิดสิทธิแรงงานต่างด้าว

+ "คลัง" มั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนจีดีพีปีหน้าโต 3.8% แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทยอยเซ็นสัญญาปีนี้ 6 โครงการ 1.8 แสนล้าน ส่วนแผนกระตุ้นระยะสั้นเป็นไปตามคาด "แบงก์" ใช้ซอฟท์โลนเต็ม 1 แสนล้าน ชี้ยังไม่พิจารณาเพิ่มวงเงิน "สศค." หวังเอกชนเร่งลงทุนปีนี้หลังรัฐทุ่มสุดตัวออกมาตรการกระตุ้นลงทุน ระบุสัญญาณเศรษฐกิจเดือน ต.ค.ดีขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว

+ นายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจี เปิดเผยว่า หลังจากได้ทดลองตลาดในไทยมา 15 เดือน บริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จำนวน 437.5 ไร่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ จากที่ผ่านมาบริษัทได้เช่าโรงงานสำเร็จรูปในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชฯ เพื่อใช้ผลิตรถยนต์เอ็มจี โดยได้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 9,000 ล้านบาท และยังคงมีการลงทุนต่อเนื่องในการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่จะทำให้มีกำลังผลิต 2 แสนคัน/ปี จากปัจจุบัน 5 หมื่นคัน/ปี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยเงินลงทุนได้

ปัจจัยต่างประเทศ

  ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

+ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,393.13 จุด เพิ่มขึ้น 55.49 จุด หรือ +0.88%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของราคาโลหะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น

+ ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 96.83 จุด หรือ +0.49% แตะที่ 19,944.41 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. โดยนิเกอิปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับงบประมาณเพิ่มเติมที่คาดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศใช้ โดยมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ