5ดิจิตอลทีวีฟ้องศาลปกครอง สั่งกสทช.ชดใช้9.5พันล้าน

ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ - 24 ส.ค.58 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ช่อง จีเอ็มเอ็ม วัน , ช่องจีเอ็มเอ็ม แชลแนล , ช่อง พีพีทีวี , ช่อง ไทยรัฐทีวี และช่องไบรท์ทีวีซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ มอบอำนาจให้ นายสุขสวัสดิ์ เวทไว และนายวศิน เลิศวไลพงศ์ ทนายความ ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) , สำนักงาน กสทช.และเลขาธิการ กสทช.เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เรื่องละเลยต่อหน้าที่ที่กฎหมาย หรือดำเนินล่าช้าทำให้เกิดความเสียหายที่จะให้มีการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ เป็นระบบดิจิตอล โดยผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ทั้ง 5 ช่อง ผู้ฟ้อง ขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ กสทช.ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ออกมาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล พร้อมชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิด ต่อทีวีดิจิตอลทั้ง 5 ช่อง เป็นเงิน 9,550 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย


ขณะที่คำฟ้อง สรุปว่า กสทช. ได้ละเว้น และละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดโดยล่าช้า ในการดำเนินการให้มีการเปลี่ยนผ่านระบบ การรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิตอล , การควบคุมและกำกับดูแลมาตรฐานหรือคุณภาพของกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล , การแจกคูปองสนับสนุนประชาชน , การขยายโครงข่ายทีวีดิจิตอล และกำกับดูแลผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดิจิตอล ให้สามารถขยายโตรงข่ายทีวีดิจิตอล ให้ทันตามที่กำหนด , ละเลยการสื่อสารต่อสาธารณะสนับสนุน การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้ประชาชนรับรู้และมั่นใจ การเปลี่ยนมาชมที่วีดิจิตอล , ละเลยการออกกฎเกณฑ์และประกาศต่างเพื่อส่งเสริมให้มีการแข่งขันทางการค้า ในการประกอบกิจการทีวีดิจิตอล


โดยผู้ถูกฟ้องยัง จงใจหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือข้อมูลที่รู้อยู่แล้วว่าไม่อาจดำเนินการได้ กับผู้เข้าร่วมประมูลว่ากลุ่มดิจิตอลทีวี จะได้รับสิทธิ์การเลือกช่องรายการ หากชนะการประมูลในลำดับสูงสุด ทำให้กลุ่มทีวีดิจิตอลดังกล่าวหลงเชื่อ และเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ฯ โดยหลงผิดในข้อมูลหรือข้อเท็จจริงอันเป็นสาระอันสำคัญ และหลงเชื่อจ่ายเงินประมูลในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเป็นการละเมิดต่อกลุ่มทีวีดิจิตอล อันส่งผลให้เกินความเสียหายต่ออุตสาหกรรมดิจิตอลทีวี ประเทศชาติและประชาชน


เพราะคลื่นความถี่ถือเป็นสมบัติสาธารณะ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงดิจิตอลทีวี และพัฒนาการแข่งขันของดิจิตอลทีวี เป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ และก่อนครบกำหนดชำระค่าทำเนียมใบอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่ 2 ในวันที่ 24 พ.ค.58 กลุ่มดิจิตอลทีวี ได้ดำเนินการทักท้วงและถามไปเป็นหนังสือไปยัง กสทช.กับพวกหลายครั้งเพื่อขอให้หยุดการกระทำละเมิด และขอให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆให้ครบถ้วนมาโดยตลอด แต่ กสทช.กับพวกกับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆให้เป็นไปตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด กลุ่มดิจิตอลทีวีทั้ง 5 ช่อง จึงต้องชะรำค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่งวดที่ 2 ไปตามกำหนด แต่การชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว กลุ่มดิจิตอลทีวีได้สงวนสิทธิ์ในการเรียกค่าเสียหายเอาไว้ ดังนั้นกลุ่มดิจิตอลทีวี จึงจำเป็นต้องฟ้องคดีกับ กสทช.และพวก เพื่อเรียกค่าเสียหาย พร้อมทั้งขอให้ กสทช.กับพวกหยุดการกระทำซ้ำและกระทำการละเมิดต่อไป พร้อมขอให้ปฏิบัติหน้าที่โดยกฎหมาย


ด้านนายวศิน ทีมทนายความ กล่าวว่า ทีวีดิจิตอลทั้ง 5 ช่อง เห็นว่า กสทช.ละเลย ล่าช้าในการดำเนินการต่างๆ ที่ให้มีการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิตอล และกสทช. ยังทำให้กลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลหลงเชื่อ และเข้าร่วมในการประมูลโดยมีการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แก่ผู้เข้าประมูลว่ากลุ่มทีวีดิจิตอลจะได้รับสิทธิ์ การเลือกช่องรายการหากชนะการประมูลในลำดับสูงสุด ทำให้ผู้ประมูลหลงจ่ายเงินประมูลในราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งทีวีดิจิตอลทั้ง 5 ช่อง ผู้ฟ้อง ขอให้ กสทช.ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายพิจารณาใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยออก มาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งอาจรวมถึงการ ใช้อำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหรือเลื่อนการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการ ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่ 3 เป็นต้นไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นฟ้อง กสทช. เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ดูแลจัดการทีวีดิจิตอลนั้น คดีนี้ไม่ใช่คดีแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทช.ก็ ถูกบริษัทไทยทีวี จำกัด ที่มีนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล กรรการผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลประเภทช่องรายการข่าวและสาระ ยื่นฟ้องกล่าวหา ละเลยต่อหน้าที่ตามที่แผนแม่บทกิจการวิทยุโทรทัศน์ กำหนด และผิดต่อ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556ซึ่ง กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ ทั้งเรื่องการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า และการประชาสัมพันธ์ โดยเรียกค่าเสียหาย 713,828,282.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล