เด้งฟ้าผ่า! 'ประยุทธ์'ใช้ม.44 สั่งย้ายผู้บริหารศธ.

เด้งฟ้าผ่า! 'ประยุทธ์'ใช้ม.44 สั่งย้ายผู้บริหารศธ.

คำสั่งหน.คสช. "กำจร"ขึ้นปลัดศธ. "พินิติ"กลับสกอ. "สุทธศรี"คืนสกศ. ล้างบอร์ดสกสค. สั่งเลขาฯคุรุสภา-สกสค.,ผอ.องค์การค้า หยุดปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 6/2558 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ใน 6 ตำแหน่ง ดังนี้

ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตำแหน่ง ปลัดศธ. และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการกกอ.และให้ดำรงตำแหน่งปลัดศธ. นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการศธ. นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการศธ.และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการกช. นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2558


นอกจากนั้น ยังมีคำสั่ง ที่ 7/2558 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในศธ.มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งต่อไปนี้พ้นจากตำแหน่ง 1 กรรมการคุรุสภาตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 (2) กรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 64 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546(3) กรรมการในคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ มิให้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ผู้ดำรงตำแหน่งข้างต้นจนกว่าหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ


รวมถึง มีคำสั่งให้คณะกรรมการคุรุสภาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วยรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ รมช.ศธ.ปลัดศธ. เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการ กพฐ. เลขาธิการกกอ. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการก.ค.ศ. ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นเลขานุการ ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบด้วยรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน กรรมการ ปลัดศธ. เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการกพฐ. เลขาธิการกกอ. เลขาธิการกอศ. เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการก.ค.ศ. เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการสกสค. เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้คณะกรรมการสกสค. ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสกสค.ด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอาจมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ได้ตามความเหมาะสม


ทั้งนี้ มีคำสั่งให้บุคคลต่อไปนี้หยุดการปฏิบัติ หน้าที่ไปก่อนจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการสกสค. ผู้อำนวยการองค์การค้า ในระหว่างที่บุคคลทั้งหมด หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณามอบหมายให้รองปลัดศธ. หรือข้าราชการศธ.ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ ไปพลางก่อน ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงิน ทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใด ของคุรุสภา สกสค. และองค์การค้าฯ ของสกสค. และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินโครงการที่สำคัญ แล้วรายงานผลการตรวจสอบให้หัวหน้าคสช.ทราบโดยเร็ว


ดร.สุทธศรี กล่าวว่า ตนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในทุกตำแหน่ง ซึ่งในส่วนของการไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กคศ.ที่สภาการศึกษา คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตนเคยทำงานที่ สกศ.มาก่อน มีความรู้และความเข้าใจเนื้องานเป็นอย่างดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และตนเหลืออายุราชอีกประมาณ 5 เดือนตั้งใจจะไปสานงานต่อในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ตามที่รศ.ดร.พินิติ ได้ดำเนินการไว้ และวางแนวทางอื่น ๆ เพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษารอบด้าน อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายครั้งนี้ ตนไม่รู้สึกตกใจ หรือหนักใจอะไร เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียน และตนก็มองว่าครึ่งปีต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ส่วนการที่ รศ.นพ.กำจร จะมาดำรงตำแหน่ง ปลัด ศธ.มองว่าเหมาะสม เพราะรศ.นพ.กำจร เป็นคนที่มีความสามารถและยังอายุราชการอีกประมาณ 1 ปีกว่าจึงเชื่อว่าจะสานงานต่อในตำแหน่งปลัด ศธ.ได้เป็นอย่างดี


รศ.ดร.พินิติกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบมาก่อน แต่พร้อมปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และการย้ายไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการกกอ.เหมือนได้กลับบ้าน เพราะตนก็อยู่ที่สกอ.มาโดยตลอด และเข้าใจเนื้องานเป็นอย่างดี
รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจ เพราะการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดศธ. ไม่ถือว่าแปลกเพราะตนก็อยู่ในแวดวงการศึกษา และเข้าออกที่ศธ.อยู่เป็นประจำ ที่สำคัญมีความเข้าใจในเนื้องานพร้อมจะทำงานในทุกตำแหน่ง ทั้งนี้ เมื่อไปรับหน้าที่ปลัดศธ. คิดว่าจากสานต่องานต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ไม่ใช่แค่ในอาเซียนเท่านั้น ส่วนแนวทางการดำเนินงานจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถตอบได้ ต้องขอเข้าไปทำงานก่อน


ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับการสลับตำแหน่งในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องของการปรับเพื่อให้การทำงานสะดวก และอยู่บนพื้นฐานของการทำงานเดิมที่แต่ละท่านถนัดอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในการโยกย้ายรศ.นพ.กำจร เข้ามาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการนั้น ตนมองว่าน่าจะมีนโยบายหลายๆ อย่างที่ ศธ. และ สกอ. จะต้องดำเนินการร่วมกัน ดังนั้น


“ผมคิดว่าเรื่องการแยกย้ายกระทรวงอุดมศึกษาก็อาจจะทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจจะเป็นการเร่งเครื่องในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาด้วย อย่างไรก็ตาม คิดว่าการโยกย้ายดังกล่าว คงทำให้คนในวงการประหลาดใจพอสมควร เพราะนี้ถือว่าเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาล ไม่มีวี่แววหรือข่าวคราวในเรื่องดังกล่าว รวมถึงปัญหาความขัดแย้งใดๆ คิดว่าน่าจะเป็นการโยกย้ายเพื่อเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปการศึกษาที่คนในวงการศึกษามองว่าเริ่มจะเงียบ ให้มีการเคลื่อนไหวและรวดเร็วมากขึ้น และการปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจจะดีขึ้น” ศ.ดร.สมพงษ์