คาราบาวลุ้นกำไรโต40%

คาราบาวลุ้นกำไรโต40%

"คาราบาว" หวังตลาดกัมพูชาโตไม่ต่ำกว่า 50% ขณะที่พม่าและเวียดนามโตที่ละ 20% หนุนกำไรสุทธิโต 40% พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 9,000 ล้านบาท

นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนาม มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดขายในกัมพูชาจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50%จากปีก่อนที่มียอดขาย 1,006 ล้านบาท ขณะที่พม่าและเวียดนามจะเติบโตไม่ต่ำกว่าประเทศละ 20%จากยอดขายปีก่อนที่ 243 ล้านบาท และ 66 ล้านบาท ตามลำดับ

“การเติบโตใน 3 ประเทศนี้เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังจากที่เริ่มมีการเปิดประเทศ และลงทุนพัฒนามากยิ่งขึ้น สำหรับปี 2557 ยอดขายในเขมรเติบโตถึง 70%และจะเติบโตอีก 50%ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยจะมีการเพิ่มจุดกระจาย และกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น สำหรับพม่าและเวียดนามนั้นคาดว่าจะเติบโตได้มากเนื่องจากยอดขายปัจจุบันยังต่ำอยู่” นางสาวณัฐชไม กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ คุจารีวณิช กรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายต่างประเทศจะคิดเป็น 30%ของยอดขายรวมในปีนี้ ซึ่งบริษัทประเมินไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เติบโต 20%จากปีก่อน ทั้งนี้หากยอดขายเป็นไปตามเป้าเชื่อว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโต 40%จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,011 ล้านบาทเนื่องจากต้นทุนการผลิตของบริษัทฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังโรงงานผลิตขวดแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง0.25บาทต่อขวด ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต650ล้านขวดต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ 600 ล้านบาท โดยใช้ขยายกำลังการผลิตส่วนของกระป๋อง 400 ล้านบาท ขยายจาก 350 ล้านกระป๋องต่อปี เป็น 700 ล้านกระป๋องต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดต่างประเทศ ส่วนอีก 200 ล้านบาทใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วๆ ไป โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินสดของบริษัทซึ่งมีอยู่กว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับตลาดในประเทศตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 21.5% ซึ่งเป็นอันดับสองของอุตสาหกรรม โดยจะเน้นการขยายในพื้นที่ 37 จังหวัด ซึ่งบริษัทมีฐานลูกค้าค่อนข้างมาก ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยที่จะซื้อธุรกิจเข้ามาเพิ่มเติม โดยจะเป็นธุรกิจที่เสริมกับธุรกิจเดิมของบริษัท อาทิ ธุรกิจน้ำผลไม้ แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นเพียงการศึกษาถึงความเป็นไปได้เท่านั้น และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงไหน ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ

ทางด้านนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI กล่าวว่า จากการที่บริษัทเตรียมส่งสินค้าเข้าไปขายยังประเทศอินโดนีเซียในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายในปีแรก 800-1,000 ล้านบาท ส่วนในประเทศอื่นๆ อาทิ พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จะเริ่มส่งเข้าไปขายหากบริษัทประสบความสำเร็จในอินโดนีเซียแล้ว

“มูลค่าของตลาดเครื่องดื่มในอินโดนีเซียอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท โดยบริษัทหวังว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10-15%คิดเป็นยอดขายเกือบ 10,000ล้านบาท ซึ่งบริษัทมองว่าสูงมากแล้ว ขณะที่ไบเล่บริษัทจะเริ่มขายช่วงไตรมาส 2 นี้เช่นกัน แต่จะเริ่มต้นในประเทศก่อน โดยจะเริ่มผลิตปีนี้ 600 ล้านขวด และหากได้รับการตอบรับที่ดีเชื่อว่าจะเริ่มส่งออกได้ในช่วงปี 2559” นายตัน กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเดินทางไปโรดโชว์ยังต่างประเทศ หลังจากที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นแต่ในประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้บริษัทจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการเข้ามาถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก ซึ่งในส่วนนี้น่าจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้บริษัทมากยิ่งขึ้น โดยประเทศที่คาดว่าจะเดินทางไปโรดโชว์ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์

“จุดเด่นของไบเล่คือการเป็นกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใหญ่มากมีความคล่องตัว ก็คงจะเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าขายดีจนกำลังการผลิตเต็มผมสามารถเพิ่มได้ใน6เดือน ส่วนสินค้าใหม่ถ้าผมมองเเล้วเห็นโอกาสก็ใช้เวลาเพียง3เดือน เราก็สามารถเริ่มผลิตและขายได้ทันทีนั่นก็คือข้อได้เปรียบของเรา” นายตันกล่าว