'คอนเทนต์อวดรวย' ฟีเว่อร์! หวั่นเป็นชนวนสร้างหนี้ กลุ่ม Gen Z

'คอนเทนต์อวดรวย' ฟีเว่อร์! หวั่นเป็นชนวนสร้างหนี้ กลุ่ม Gen Z

คอนเทนต์แนว "อวดรวย" และ "ดูดีเกินจริง" ฟีเว่อร์จนน่าห่วง หลังอินฟลูเอ็นเซอร์แข่งขันปั้นคอนเทนต์สร้าง Engagement โดยเฉพาะ "คอนเทนต์อวดรวย" กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่น Gen Z ด้าน "สภาพัฒน์" หวั่นเป็นชนวนก่อหนี้เพิ่มในหมู่เยาวชน

จากการแถลงภาวะสังคมไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2566 โดย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นอกจากประเด็นหนี้ครัวเรือนไทยทะลุ 16.2 ล้านล้าน 90.9% ของจีดีพีประเทศจะเป็นประเด็นร้อนแล้ว

อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ หัวข้อ "Influencer : เมื่อทุกคนในสังคมล้วนเป็นสื่อ" ที่สภาพัฒน์อ้างถึงข้อมูลจาก Nielsen ในปี 2565 พบว่า ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวน Influencer รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน โดยประเทศไทยมีจำนวนอินฟลูเอ็นเซอร์มากกว่า 2 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย

Influencer อาชีพยอดนิยม ทำง่าย-ได้เงินไว

สำหรับไทย อาชีพ Influencer ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ได้ค่อนข้างสูง เฉลี่ยตั้งแต่ 800 - 700,000 บาทขึ้นไปต่อโพสต์

อย่างไรก็ตาม การให้ความสำคัญกับ Engagement ของ Influencer ได้ส่งผลให้มักมีการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมหลายประการ 

อาทิ การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง , การชักจูงหรือชวนเชื่อที่ผิดกฎหมาย อาทิ การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์, การละเมิดสิทธิ ซึ่งพบว่า Influencer บางรายมีการเสนอข่าวอาชญากรรมราวกับละคร เพื่อสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ และไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เสียหาย ครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิด

คอนเทนต์อวดรวย ดูดีเกินจริง ไม่ผิดกฎหมาย แต่ร้ายกว่าที่คิด

นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาบางประเภทที่แม้ไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่อาจนำไปสู่การสร้างค่านิยมที่ผิดต่อสังคม อาทิ เนื้อหา "การอวดความร่ำรวย" จากการศึกษาของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่ม Gen Z ร้อยละ 74.8 เป็นผู้ที่ชอบแสดงตัวตนในรูปแบบนี้มากที่สุด หรือการนำเสนอภาพบุคคลที่ได้รับการปรับแต่งให้ดูดี จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ไม่แท้จริง ซึ่งอาจสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับเด็กและเยาวชนในสังคม และอาจกระทบต่อการก่อหนี้เพื่อนำมาซื้อสินค้าและบริการ

ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเชิงลบของ Influencer ต่อสังคมหลายแง่มุม ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีการออก "กฎหมายเฉพาะ Influencer" อย่างชัดเจน เช่น

- สาธารณรัฐประชาชนจีน ออกระเบียบห้ามเผยแพร่เนื้อหาในลักษณะอวดความร่ำรวย และการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายเกินจริง

- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำหนดให้ Influencer ต้องจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากสภาสื่อแห่งชาติ (NMC) เพื่อป้องกันการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย

- นอร์เวย์และสหราชอาณาจักร กำหนดให้ Influencer แจ้งรายละเอียดภาพบุคคลที่ใช้สำหรับการขายและโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย พร้อมแสดงเครื่องหมายกำกับ เพื่อลดปัญหาความกดดันทางสังคมต่อมาตรฐานความงามที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน 

สำหรับประเทศไทย มีกฎหมายควบคุม อาทิ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนพ.ศ. .... ที่มีความพยายามปรับปรุงการกำกับดูแลการนำเสนอข้อมูลให้เท่าทันสื่อปัจจุบัน แต่ยังไม่มีกฎระเบียบสำหรับกลุ่ม Influencer อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แนวทางการกำกับดูแลส่วนใหญ่เน้นไปที่การตรวจสอบ เฝ้าระวังการนำเสนอ และการตักเตือน/แก้ไข ซึ่งหากไทยจะขยายการกำกับดูแลให้ครอบคลุมกลุ่ม Influencer อาจต้องทบทวนการกำหนดนิยามของสื่อออนไลน์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับการผลิตเนื้อหาของสื่อกลุ่มต่าง ๆ โดยอาจศึกษาจากกรณีตัวอย่างของกฎหมายและมาตรการของต่างประเทศ
เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทสังคมต่อไป