“แนวโน้มเศรษฐกิจและการเมืองโลก ค.ศ. 2024”

“แนวโน้มเศรษฐกิจและการเมืองโลก ค.ศ. 2024”

จากสถานการณ์ใหญ่หลายอย่างตั้งแต่ต้นปีนี้ สังเกตุเห็นทางออกที่ผ่อนหนักให้เป็นเบาและการประนีประนอมเสมอ ภาวนาให้อีกแปดเดือนที่เหลือในปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เพิ่มความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการเมืองทั่วโลก

โลกกำลังเปลี่ยนแบบไวและแปลก ปีนี้มีการเลือกตั้งทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ

สงครามใหญ่หลายแห่งจะจบที่ไหน? เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้วมนุษย์จะปรับตัวทันหรือไม่? เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร? ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะรับมืออย่างไร? ฯลฯ

สหรัฐเข้มแข็งโดยภาพรวม แต่หลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ?

ปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐยังได้รับความเชื่อมั่นเช่นปกติ พันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐยังเป็นที่นิยมของสถาบันการเงินและธนาคารชาติต่างๆ อัตราการว่างงานน้อยมากที่ 3.8% เงินเฟ้อควบคุมได้แม้ยังถึงขั้นที่ธนาคารกลาง(FED)ต้องการที่ 3.5%

ตลาดหุ้นของสหรัฐ S&P500 ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาขึ้น 6.44% แต่ปรับตัวลงเมื่อมีประกาศว่าไตรมาสที่หนึ่งของสหรัฐจีดีพีโตต่ำกว่าที่คาดไว้คือ 1.6% แทนที่จะเป็น 2.4% อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลกแล้ว ก็ยังนับว่านักลงทุนยังให้ความเชื่อมั่นกับความมั่นคงของเศรษฐกิจอเมริกันมากกว่าที่อื่น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะวิกฤติความขัดแย้งและสงครามในหลายแห่งทำให้ประเทศที่มีความเข้มแข็งทางการทหารอย่างสหรัฐเป็นทางเลือกที่ดูเหมือนจะปลอดภัยที่สุด

สหรัฐเปราะบาง อุดมการณ์ที่แตกต่างอาจสร้างความแตกร้าว?

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อดีตประธานาธิบดีตกเป็นจำเลยคดีอาญา การรายงานข่าวของการดำเนินคดีในชั้นศาลในขณะนี้สร้างความขัดแย้งในสังคมอเมริกันซึ่งมีความเห็นแตกต่างกันโดยเฉพาะฤดูกาลเลือกตั้งที่ล่อแหลม คดีนี้น่าจะทราบผลภายในหกสัปดาห์

มีข่าวใหญ่เรื่องการประท้วงโดยนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในหลายรัฐ กดดันให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยและรัฐบาลสหรัฐดำเนินการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ โดยเฉพาะการระงับสงครามในกาซ่าซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์มีโอกาสสร้างประเทศที่มีอธิปไตยของตนเอง ขณะเดียวกันชาวอเมริกันเชื้อสายยิวก็กดดันมหาวิทยาลัยและรัฐบาลสหรัฐไปในทิศทางตรงข้าม

ยูเครนได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ สถานการณ์จะพลิกผันหรือไม่?

หลังจากที่มีข่าวจากสมรภูมิสงครามในยูเครนติดต่อกันมาหลายเดือนว่ายูเครนอยู่ในภาวะอันตรายที่อาจแพ้สงครามเนื่องจากขาดอาวุธยุทโธปกรณ์และความสนับสนุนจากพันธมิตร กลุ่มประเทศประชาคมยุโรปมีความกังวลว่าหากรัสเซียสามารถจะยึดยูเครนได้ก็จะขยายการรุกรานต่อไปอีกซึ่งจะทำลายเสถียรภาพของยุโรป จึงมีการเรียกร้องให้รีบเร่งเพิ่มความช่วยเหลือยูเครนโดยด่วนและไม่รอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศนาโต้จัดการส่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเครื่องบิน F-16 จำนวน 45 ลำพร้อมการฝึกนักบินให้ยูเครนซึ่งอาจเป็นตัวแปรผลของสงคราม

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในสัปดาห์นี้คือรัฐสภาสหรัฐอนุมัติความช่วยเหลือโดยงบประมาณ 95,000 ล้านเหรียญ (ช่วยเหลือยูเครน 61,000 ล้านเหรียญ อิสราเอล 26,000 ล้านเหรียญ และไต้หวัน 8,000 ล้านเหรียญ)

ความช่วยเหลือของสหรัฐต่อยูเครนครั้งนี้เป็นสิ่งที่รอคอยมานาน ความล่าช้าเกิดจากความขัดแย้งของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายในสหรัฐ แต่ในที่สุดก็ประนีประนอมได้และผ่านงบประมาณนี้ในที่สุด

ขณะนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐได้ส่งเข้ายูเครนโดยด่วน โดยเฉพาะส่วนที่มีสำรองไว้อยู่ในยุโรปแล้ว และที่เด่นคือขีปนาวุธที่ยิงได้ระยะยาวถึง 300 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กองทัพยูเครนรักษาพื้นที่หรือผลักดันกองทัพรัสเซียให้ออกไป

ส่วนความช่วยเหลือของสหรัฐต่ออิสราเอลนั้นถึงแม้ว่าบางส่วนจะเป็นงบประมาณด้านความมั่นคงเกี่ยวข้องกับอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหารโดยตรง แต่งบประมาณส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อชาวปาเลสไตน์ในกาซ่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการส่งสัญญาณการเมืองในสหรัฐในฤดูกาลเลือกตั้งที่ต้องคำนึงถึงหลายฝ่าย

ความช่วยเหลือของสหรัฐต่อไต้หวันเป็นการส่งสัญญาณเตรียมพร้อมหากจีนตัดสินใจปฏิบัติการทางทหารบุกยึดไต้หวันตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ไว้ว่าอาจจะเกิดขึ้นภายในไม่เกินปีค.ศ. 2027

และกฎหมายที่ประกาศพร้อมกับความช่วยเหลือต่างประเทศครั้งนี้ยังระบุว่า TikTok เป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐเรื่องการเก็บข้อมูลของผู้บริโภค จึงจะต้องเป็นอิสระจากอิทธิพลของรัฐบาลจีน โดยสหรัฐยื่นคำขาดให้บริษัทในจีนซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ขายหุ้นส่วนให้ต่างชาติมิฉะนั้นจะระงับการใช้ TikTok ในสหรัฐ

แต่ความกดดันของสหรัฐต่อจีนนั้นก็มีการทูตที่มาช่วยลดอุณหภูมิ สังเกตได้ที่สัปดาห์นี้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐนำคณะไปเยือนจีน ซึ่งนับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่มหาอำนาจทั้งสองพยายามสื่อสารเจรจา โดยเฉพาะการพบปะกันโดยตัวบุคคลเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และหาทางแก้ไขความขัดแย้งที่สะสมไว้มาเป็นเวลาเกือบหนึ่งทศวรรษ โดยเฉพาะช่วงโควิดระบาดที่เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดนโยบายก้าวร้าวและกีดกันของทั้งสองฝ่าย

เศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมมีความหวังว่าจะดีขึ้นบ้าง แต่ยังมีหลายส่วนที่ต้องรีบแก้ไขและอาจกลายเป็นวิกฤติได้หากไม่สามารถควบคุมได้ทันเวลา เพราะฉะนั้นการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยพอเหมาะควรกับสหรัฐไว้ในระยะนี้จะเป็นการผ่อนปรนและช่วยซื้อเวลาให้จีนมีโอกาสแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สหรัฐหวังที่จะให้การเยือนจีนครั้งนี้ส่งสัญญาณถึงประชาคมโลกว่าได้พยายามดึงจีนเข้ามาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาทั้งการเมืองในตะวันออกกลาง เช่นในกรณีของอิหร่านซึ่งจีนมีความสัมพันธ์ดีมาก และการที่จีนเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับรัสเซียนั้นก็หวังว่าจะมีอิทธิพลต่อสงครามในยูเครน

อีกทั้งสหรัฐฯต้องการแสดงภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำทางความมั่นคงให้ประเทศในภูมิภาคทะเลจีนใต้ ให้มีความอุ่นใจว่าสหรัฐให้ความสำคัญกับเอเชียโดยเฉพาะภูมิภาคนี้ที่ได้รับผลกระทบการขยายอิทธิพลของจีนทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง

สถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่เลวร้ายอย่างที่กังวล?

ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านดูท่าทีผ่อนเบาลง และถึงแม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจบสิ้นแล้ว แต่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะพยายามจำกัดให้อยู่ในวงที่ไม่บานปลาย และไม่มีประเทศอื่นแสดงท่าทีสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้เพิ่มความรุนแรงของความขัดแย้ง

ความกังวลเรื่องราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างเฉียบพลันนั้นลดลงตามการเมือง ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นก็ปรับลงมาตามอุปสงค์และอุปทานของตลาด

ข่าวสารในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียอาจดูเป็นวิกฤติเลวร้าย ทำให้เกิดความหวาดวิตกและนำมาสู่การตัดสินใจในการดำรงชีวิตรวมทั้งการลงทุนที่เป็นการตอบสนองความกังวล แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ใหญ่หลายอย่างตั้งแต่ต้นปีนี้ จะสังเกตุเห็นทางออกที่ผ่อนหนักให้เป็นเบาและการประนีประนอมเสมอ ภาวนาให้อีกแปดเดือนที่เหลือในปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เพิ่มความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการเมืองทั่วโลกครับ