'ศาสตร์ชะลอวัย' ดูแลทุกช่วงอายุ เริ่มเร็ว สุขภาพดี ลดโรค โกงแก่

ศาสตร์ชะลอวัย เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ปัจจุบันคนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะไม่มีใครอยากแก่ หรือหากต้องแก่ตามวัยก็ขอให้แก่อย่างมีคุณภาพและไม่ทรมานจากโรคที่ต้องนอนติดเตียง ดังนั้น การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ป้องกันก่อนเกิดโรค และชะลอวัย หรือ Wellness จึงได้รับความสนใจมากขึ้น คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า ตลาดจะเติบโตกว่า 15-20%

 

พญ.อริสรา โพธิ  แพทย์ด้านฟื้นฟูสุขภาพเชิงลึกแบบองค์รวมและชะลอวัย หรือ เวลเนส (Wellness) ให้สัมภาษ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หากย้อนกลับไป 20 ปีที่ผ่านมา ศาสตร์ชะลอวัยยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในประเทศไทย เป็นศาสตร์ใหม่ที่ต่างประเทศใช้กันเพื่อดูแลคนไข้ควบคู่กับการรักษาโรค ผสมผสานเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น ทานยาลดลง ช่วยให้เราสามารถป้องกันก่อนเกิดโรคได้

 

“ปัจจุบันเรื่อง Wellness ในประเทศไทย คนเริ่มให้ความสำคัญและความเข้าใจมากขึ้น จากแต่ก่อนเราจะรู้ก็ตอนที่เป็นโรคแล้ว แต่ด้วยพัฒนาการทางด้านการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ป้องกันก่อนเกิดโรค ทำให้คนตระหนักรู้มากขึ้น และเริ่มดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ความรู้ต่างๆ ด้าน Wellness มีการพัฒนามาตลอด มีอาหาร สินค้า เกี่ยวกับคนรักสุขภาพ รวมถึง นวัตกรรมหลายอย่างที่ช่วยฟื้นฟู ดูแลสุขภาพได้เร็ว ง่ายขึ้น และได้รับความนิยมมากขึ้น”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”
• ‘สภาพัฒน์’ หารือผู้บริหาร ‘BDMS’ ยกระดับ ‘ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ’ ในไทย
• ยิ่งอายุมาก ยิ่งนอนยาก 'Art of Sleep' การนอนแบบให้ได้คุณภาพ

 

 

คาดการณ์ว่าใน 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Wellness จะเติบโตต่อเนื่องกว่า 15-20 % เห็นได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพมีมากขึ้น เช่น สถานที่พักผ่อนที่มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำ กิจกรรมเวิร์กช้อป หรือ Wellness บางที่ที่เน้นการฟื้นฟู ปรับอาหาร ปรับการกิน การนอน ฯลฯ ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงคลินิกที่หันมาให้ความสำคัญกับ Wellness มากขึ้น ปัจจุบัน พบว่าโรงพยาบาลหลายแห่ง มีการเปิดแผนกที่เกี่ยวกับ Wellness เพื่อรับเทรนด์การดูแลสุขภาพแบบองค์ร่วมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึง มีการตรวจร่างกายเชิงลึกเพื่อดูความเสื่อมโทรม

 

“อายุที่มากขึ้นทุกปี หมายถึง Aging คือ ความชรา ดังนั้น หากดูแลตัวเองไม่ดี เซลล์ของเราก็จะเสื่อมถอย เช่น อายุ 40 ปี หากดูแลตัวเองดี นอนเพียงพอ สารอาหารเพียงพอ ออกกำลังกายดี อายุเซลล์ก็จะน้อยลง เหมือนคนสมัยก่อนทำไมอายุยืน เพราะวิถีชีวิตมีผล ความเครียด การอดนอน การทานอาหาร” พญ.อริสรา อธิบาย

 

 

Wellness ดูแลได้ตั้งแต่วัยเด็ก

ศาสตร์ Wellness ดูแลได้ทุกวัย “ตั้งแต่ในวัยเด็ก” พญ.อริสรา อธิบายว่า ทารกที่คลอด มีโอกาสเป็นออทิสติก เป็นไฮเปอร์ แม้จะคลอดออกมาปกติ แต่บางรายจะไปรู้เมื่อ 1-2 ขวบ ในช่วงที่มีพัฒนาการ พ่อแม่อาจสังเกตว่าทำไมลูกเล่นคนเดียว ทำไมไม่ปฏิสัมพันธ์กับใคร หรือ เด็กบางคนไฮเปอร์ ตรงนี้สามารถใช้ศาสตร์ดังกล่าวในการปรับจูนสารเคมีในสมอง

 

รวมถึงอัตราการโตของเด็ก เช่น ไม่โตตามวัย สารอาหารไม่พอ ไอคิว อีคิว เด็กไม่สูง น้ำหนักเยอะ เด็กบางคนอายุไม่เกิน 10 ขวบ

 

แต่ไขมันเกิน เป็นเบาหวาน เพราะพ่อแม่บางคนให้ทานแต่อาหารสำเร็จรูป การเลี้ยงดูของพ่อแม่ทั้งหมดส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก โดยเฉพาะเซลล์สมอง การเลี้ยงดูให้เด็กได้เล่นเกมที่ได้ใช้ความคิด ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก จะทำให้พัฒนาการของเขาดีขึ้น และโตขึ้น

 

“วัยรุ่น” ส่วนใหญ่จะมีปัญหาน้ำหนัก สิว ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยน หรือบางคนเป็นสาวก่อนวัย  เช่น 10 ขวบเริ่มมีหน้าอกโต เป็นผลจากการเจริญเติบโตจากฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมอง หรือบางคนทานไก่เยอะ ทำให้ได้ฮอร์โมนทางอ้อม ส่งผลให้ประจำเดือนมาไว เต้านมโตกว่าวัยที่ควรจะเป็น

 

“วัยรุ่นต้องดูว่าพ่อแม่ให้ทานอาหารอะไรในแต่ละมื้อ สารอาหารเพียงพอหรือไม่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ผลไม้อะไรที่เสริม พยายามเลี่ยงน้ำอัดลม น้ำหวาน หากปรับตรงนี้ ดูเรื่องโภชนาการควบคู่ พัฒนาการเขาก็จะดีไปในทิศทางที่ควรจะเป็นตามช่วงอายุ”

 

“วัยเข้ามหาวิทยาลัย” ต่อเนื่องมาตั้งแต่ ม.ปลายเรียนหนัก มีความเครียด อดนอน เด็กบางคนทานกาแฟเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นความเครียดต่อเนื่อง บางทีพ่อแม่คาดหวัง และลูกก็กดดันตัวเอง ส่งผลต่อสภาพจิตใจ สอบไม่ติด มีปัญหาชีวิต เริ่มมีความรัก การฟื้นฟูในแต่ละวัยจะต้องเจาะลึกในแต่ละช่วงบุคคล ช่วงอายุ เพราะต้องสอดคล้องกับฮอร์โมนในร่างกาย

 

“วัยทำงาน” จะเป็นความเครียดอีกแบบหนึ่ง การแข่งขัน ต้องทำผลงานให้ดี นอนดึก ตื่นเช้า ทานอาหารฟาสต์ฟู้ด แป้งขัดขาว วัยทำงานร่างกายเสื่อมถอยเพราะฮอร์โมนความเครียดเยอะ ช่วงอายุ 25-35 ปี เป็นช่วงที่ใช้ร่างกายหนัก หลังเลิกงานอาจมีปาร์ตี้ต่อ รวมถึงปัญหาฝุ่น มลภาวะ ส่งผลต่อร่างกายเสื่อมก่อนวัย

 

“หากใช้ร่างกายหนักในช่วงวัยทำงาน พออายุ 40-45 ปี จะเริ่มอ่อนเพลีย ต่อมหมวกไตล้า ไม่อยากทำอะไร อยากนอนอย่างเดียว น้ำหนักเพิ่ม Passion หาย กลายเป็นจิตตก มีความเครียด ต้องค่อยๆ ปรับจูน เพราะแต่ละช่วงอายุร่างกายเสื่อมไม่เท่ากัน”

 

ขณะที่ วัยอายุมากกว่า 40-45 ปี ร่างกายเริ่มเสื่อมถอย หมดประจำเดือน เตรียมพร้อมสู่วัยทอง เป็นปัญหาว่าใจสู้ กายไม่สู้ เพราะร่างกายเสื่อมเนื่องจากใช้งานมาเยอะ ปวดกระดูก โรคเบาหวาน ความดัน ฮอร์โมนจะหมด น้ำหนักขึ้น ผิวเหี่ยว ประจำเดือนหาย หากในวัยสร้างครอบครัวจะเห็นว่าท้องยาก ต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วย

 

มองย้อนไปว่า หากเราเตรียมความพร้อมของร่างกายโดยธรรมชาติ ร่างกายเราก็ฟื้นตัวดี ไม่เสื่อมถอยมาก เวลาท้องธรรมชาติก็จะง่าย สังเกตว่า คนที่ BMI เกินจะท้องยาก ตรงนี้ต้องมีการเตรียมความพร้อม เพราะการที่แต่งงานในอายุเยอะขึ้น การท้องตอนอายุเกิน 35 ปี ลูกจะมีความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นออทิสติก หรือ ความผิดปกติของโครโมโซมต่างๆ ดังนั้น ทุกอย่างต้องดูแลตั้งแต่แรก

 

“ศาสตร์ชะลอวัยเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ไม่มีใครอยากแก่ หรือหากต้องแก่ตามวัยก็ขอให้แก่อย่างมีคุณภาพและไม่ทรมานจากโรคที่ต้องนอนติดเตียง ดังนั้น การป้องกันก่อนเกิดโรคดีที่สุด และลดโรคอย่างมีคุณภาพ เป็นศาสตร์ที่ต้องใช้เวลา ปรับตัว ปรับทุกอย่างที่เราเคยชิน แต่ทุกอย่างอยู่ที่เรา สิ่งแรก คือ Passion ตั้งเป้าและทำให้ได้ ค่อยๆ ปรับ” พญ.อริสรา กล่าวทิ้งท้าย