GULF จ่อบุ๊กกำไร‘โรงไฟฟ้าขยะ’ พันล้าน หลังผนึก ETC - BWG

GULF จ่อบุ๊กกำไร‘โรงไฟฟ้าขยะ’ พันล้าน หลังผนึก ETC - BWG

GULF ประกาศบิ๊กดีลผนึก ETC-BWG ร่วมทุน 2.08 หมื่นล้าน ลุยพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม-โรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะ 12 โครงการ กำลังผลิต 96 เมกะวัตต์ “ยุพาพิน” เผยคาดเริ่มรับรู้รายได้ปี 70 รวมกว่า 6 พันล้านต่อปี ทำกำไรรวมให้กัลฟ์ตามสัดส่วนลงทุน 700-800 ล้านบาทต่อปี

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าลงทุนโครงการในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ และโครงการโรงงานผลิต เชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ ด้วยการร่วมลงทุน เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 ให้บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทูเอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ GWTE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100 % ได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) และ บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 20,800 ล้านบาท ดังนี้ 

GULF จ่อบุ๊กกำไร‘โรงไฟฟ้าขยะ’ พันล้าน หลังผนึก ETC - BWG

1.การลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE เพื่อเข้าลงทุนใน บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด GGP ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 10 โครงการ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้ารวม 80 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50 มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ไปเมื่อ 16 ต.ค. 2566 แล้ว กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2569

2.การลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง BWG กับ GWTE เพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (CC) ผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) จำนวน 3 โครงการ ในสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50 เช่นกัน มูลค่าโครงการรวม 2,600 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายเชื้อเพลิง SRF ให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 12 โครงการ

3.การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) เพื่อให้ ETC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) โดยการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่ง GWTE และ WTX ถือหุ้นอยู่ 51% และ 49% ตามลำดับ ซึ่งภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ ETC อยู่ที่ 33% GWTE อยู่ที่ 34% และ WTX อยู่ที่ 33% ซึ่งปัจจุบัน SIP มีการดำเนินการไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 16 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวข้างต้น กลุ่มบริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในไทยที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) จำนวน 12 โครงการ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ในเบื้องต้นการลงทุนดังกล่าวทั้ง 12 โครงการ คาดสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาทต่อปี และสามารถทำกำไรให้กับบริษัทตามสัดส่วนที่เข้าไปลงทุน รวมทั้งสิ้น 700-800 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการส่วนใหญ่จะเริ่มเปิด COD ในปี 2569 และในปี 2570 เริ่มทยอยรับรู้รายได้

“แผนการลงทุนดังกล่าว เป็นไปตามแผนที่เราได้มีการเจรจาเข้าลงทุนก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นโครงการลงทุนค่อนข้างใหญ่ และสร้างรายได้ให้เราค่อนข้างมาก จะช่วยผลักดันการเติบโตของเราในระยะข้างหน้า”

ทั้งนี้ แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ยังถือว่าทำได้ตามแผนที่วางไว้ และจะมาช่วยผลักดันเป้าหมายรายได้รวมของปี 2567 ตั้งไว้เติบโต ที่ 25-30% จากปีก่อน 

มาจากการเปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกองหน่วยที่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 3 และ 4  เริ่ม COD เดือนมี.ค. และ ต.ค. 2567 อีกทั้ง ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ของกลุ่ม GULF1 จะทยอยเปิดดำเนินการเพิ่มอีก 120 เมกะวัตต์ในปีนี้