TU แจ้งถอนการลงทุนใน Red Lobster เชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ

TU แจ้งถอนการลงทุนใน Red Lobster เชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ

TU ประกาศถอนการลงทุนใน Red Lobster เชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมบันทึกด้อยค่า 1.85 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2566

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU ระบุว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 12567 ได้พิจารณาอย่างรอบคอบและตัดสินใจประกาศแผนถอนการลงทุนจากการลงทุนส่วนน้อยใน Red Lobster Master Holdings, L.P. หรือ RLMH บริษัทร่วมของบริษัทฯ ที่ถือหุ้นโดยบริษัท Thai Union Investment North America LLC หรือ TUINA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยบริษัทฯ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยและพันธมิตรทางธุรกิจกับ Red Lobster ตั้งแต่ปี 2559 โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจ Red Lobster ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ผลกระทบด้านลบในภาคอุตสาหกรรมอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ตันทุนวัตถุดิบและดำแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในด้านลบต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ และ Red Lobster ได้ทบทวนแผนธุรกิจของ Red Lobsterเพื่อหาแนวทางปรับปรุงการดำเนินงานทั้งในด้นการปฏิบัติการและด้านการเงินมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า ธุรกิจ Red Lobster ซึ่งมีความต้องการใช้เงินสูง ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัทฯ และเห็นควรถอนการลงทุนจากการลงทุนส่วนน้อยใน Red Lobster ซึ่งในระหว่างที่บริษัทฯ ศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุนนี้ บริษัทฯ จะบันทึกรายการด้อยด่าที่
ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว จำนวนประมาณ 18,500 ล้านบาท (ประมาณ 530 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

โดยคณะกรรมการบริษัท มีความเห็นว่า บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวนี้ จะไม่มีผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทรัพย์สิน หรือสภาวะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามรายการดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย และข้อจำกัดการจ่ายเงินปันผลซึ่งเป็นข้อกำหนดภายใต้หุ้นกู้บางชุดที่ออกโดยบริษัทก่อนหน้านี้ ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขดังกล่าวกับผู้ถือหุ้นกู้ก่อนการประกาศผลประกอบการในเดือนกุมภาพันธ์นี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไร และเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจหลัก โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2573 (Corporate Strategy 2030) ซึ่งจะมุ่งเนันที่ธุรกิจหลักคือ อาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป้อง อาหารแช่แข็ง แช่เย็น และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อไปในอนาคต