โบรกแนะเลี่ยงหุ้นกลุ่มJMART เหตุงบครึ่งปีหลังทรุด-ราคาขึ้นแรงเกินไป

โบรกแนะเลี่ยงหุ้นกลุ่มJMART เหตุงบครึ่งปีหลังทรุด-ราคาขึ้นแรงเกินไป

"บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี" เตือนระวังลงทุน“หุ้นกลุ่ม JMART ” ชี้ หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะเลี่ยง หลังราคาหุ้นขึ้นแรงเกินไป "บล.หยวนต้า" มีเพียง “JMT”ที่ยังเติบโตดี "บล.เคจีไอ" อยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า มองกำไรปีนี้มีดาวน์ไซด์ 

หลังจากกลุ่มเจมาร์ทประกาศงบไตรมาส2ปี 2566 ออกมาขาดทุนหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ราคาหุ้นกลุ่มนี้กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทาง จากตลาดมองว่างบไตรมาส2 เป็นจุดต่ำสุดแล้ว จึงทำให้มีแรงซื้อ (Buy on fact)แต่ด้วยราคาหุ้นของกลุ่มนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมานั้น นักวิเคราะห์ต่างมองว่านักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน จากแรงซื้อเข้ามาเป็นการเก็งกำไร 

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุนสายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ผลดำเนินงานของบริษัทกลุ่มตระกูลเจ  (กลุ่มเจมาร์ท) มีโอกาสถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส2ปี2566หลังมีการตั้งสำรองฯ(Expected credit loss,:ECL) 1,000 ล้านบาท ของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดจากSINGER 

โบรกคาดแนวโน้มผลดำเนินงาน JMART

 

รวมถึงค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเกี่ยวกับการด้อยค่าสินทรัพย์ 900 ล้านบาท ทางด้านแนวโน้มครึ่งหลังของปี2566สถานการณ์ของSINGER จะกลับสู่สภาวะที่ใกล้เคียงกับสภาวะปกติ และผู้บริหารเชื่อว่า ECLในไตรมาส 3 ปี 2566จะคิดเป็นเพียง10%ของไตรมาส 2 ปี2566 เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเรายังคงมีมุมมองในหุ้นกลุ่มเจมาร์ทเป็นไปอย่างระมัดระวัง จาก3 ปัจจัยเนื่องจาก 1. การเคลียร์Inventory ของ SINGER ยังคงเหลืออยู่ราว 838 ล้านบาท 2.กำไรของกลุ่มJMARTยังคงพึ่งพิงJMTในระดับสูงพอสมควร และ 3.ราคาหุ้นขึ้นมาแรงพอสมควรจากการให้guidanceของบริษัท

 

 

       

       ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแนะนำให้หลีกเลี่ยงแต่หากรับความเสี่ยงได้สูงรอจังหวะย่อและซื้อสะสม(ถือ3-6เดือน)โดยมีจุดตัดสินคืองบไตรมาส3ปี2566ว่าจะกลับมาได้หรือไม่

ส่วนการเข้าซื้อสุกี้ตี๋น้อยของ JMART สัดส่วน 30%  มูลค่า 1,200 ล้านบาท ถือว่าเหมาะสมในมุมมองของตลาด เพราะว่ายังมีโอกาสในการเติบโตในสาขาต่างจังหวัด เนื่องจากสินค้าจับตลาดผู้บริโภคระดับ mass market และลูกค้า (traffic) รวมกว่า 20,000 รายต่อวัน

โดยที่ราคาซื้อคิดเป็นเพียง Trailing PER 26-27 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีก(ร้านอาหาร) 25-30 เท่า

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)กล่าวว่า การที่หุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับขึ้นสวนทางหลังจากงบไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์นั้น โดยคาดว่าน่าจะเป็นแรงซื้อทางเทคนิคกลับเข้ามาหลังราคาหุ้นปรับตัวลงลึกไปแล้วก่อนหน้านี้ และงบไตรมาส2 ปี 2566ที่ประกาศออกมาไม่ดีตามคาด

ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานครึ่งปีหลังของกลุ่มเจมาร์ท คาดว่ามีเฉพาะบมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT)ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารหนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะนำหนี้มาขายเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง2566 ทำให้ประเมินว่าJMTจะซื้อหนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง2566 ทางด้านการเข้าซื้อธุรกิจสุกี้ตี๋น้อย มองว่าเป็นโอกาสสร้างการเติบโตหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ 

ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุ JMART ขาดทุนหนักผิดคาดในไตรมาส2 ปีนี้ที่ 611 ล้านบาท แย่กว่าประมาณการของเราที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาทเนื่องจากรับรู้ผลขาดทุนอย่างหนักจาก SINGER ถึง 618 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน 140 ล้านบาท และผลขาดทุนFVTPL จากการบันทึกมูลค่าการลงทุนแบบ MTM

สำหรับแนวโน้มในระยะต่อไปของ JMART ยังไม่มีแววจะดีขึ้นกว่านี้ และฝ่ายวิเคราะห์ไม่คิดว่าผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีหลัง2566 จะดีขึ้นได้มากนัก

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของ SINGER ยังน่าจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้กว่าจะฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ เนื่องบริษัทมีผลขาดทุน 905 ล้านบาทในงวด 1H66 เราจึงมองว่าทั้งประมาณการกำไร ปีนี้ที่คาดไว้ 868 ล้านบาท   ราคาเป้าหมาย และคำแนะนำของ JMART ยังมีdownside อีกซึ่งฝ่ายวิเคราะห์อยู่ระหว่างการทบทวนราคาเป้าหมายของJMARTใน12 เดือนข้างหน้า