BANPU กำไรเหลือ 1.5 พันล้านบาท Q1/67 ลด 68.8% ราคาก๊าซ-ถ่านหินปรับลง

BANPU กำไรเหลือ 1.5 พันล้านบาท Q1/67 ลด 68.8% ราคาก๊าซ-ถ่านหินปรับลง

บมจ. บ้านปู (BANPU) เผยกำไรสุทธิ Q1/67 ที่ 1,551 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 68% สอดคล้องกับยอดขายที่ลดลงเป็น 38,810 ล้านบาท หรือ ลบ 17% สาเหตุคือ ราคาถ่านหินแลก๊าซปรับลง อีกทั้งการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมก็ลดลง 63%

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงานงบการเงินรวมไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 67 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 1,551.53 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.155 บาท) ลดลงจากไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 66 ซึ่งทำได้  4,988.01 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.59 บาท) คิดเป็นการลดลง 68.89%

คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการผลการดำเนินงานระบุว่า BANPU มีรายได้จากการขายรวม จำนวน 1,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 38,810 ล้านบาท) ลดลงจำนวน 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 

โดยรายได้ลดลงจากธุรกิจถ่านหิน 243 ล้านดอลลาร์สหรัฐและธุรกิจก๊าซ 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐและธุรกิจอื่นๆ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  

นอกจากนี้ยังมี การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมจำนวน 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อื่นๆ 199 ล้านดอลลาร์สหรัฐในส่วนรายได้อื่นนี้   

บริษัทฯ รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย EBITDA จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 181.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติจำนวน 24.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 46 จากไตรมาสก่อนหน้า) ธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 50.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 70 จากไตรมาสก่อนหน้า) และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานจำนวน (-6.4) ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2567 กลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักจากราคาตลาดของก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อนส่งผลต่อค่าภาคหลวงรวมทั้งขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน 

แม้ต้องเผชิญกับราคาพลังงานในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและดำเนินมาตรการเพื่อบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม เพื่อคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโตโดยสอดคล้องไปกับแนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) ผ่านการจัดสรรงบประมาณการลงทุนอย่างเหมาะสมเพื่อความเติบโตอย่างยั่งยืน