วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่ในจุดที่ไม่มองบวก ก็ไม่ควรมองลบ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่ในจุดที่ไม่มองบวก ก็ไม่ควรมองลบ

ส่งออกพ.ค. -4.6% ดีกว่าที่ตลาดคาด -8.0% กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออก พ.ค. ที่ 24,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (-4.6%) ขณะที่นำเข้า 26190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (-3.4%) ส่งผลให้ดุลการค้า -1,849 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้การส่งออกจะยังติดลบแต่ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะ -8.0% เป็นผลมาจากสินค้าอุตสาหกรรมที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น (โดยเฉพาะรถยนต์และส่วนประกอบ) ขณะที่สินค้าเกษตรเริ่มมีสัญญาณชะลอ ในกลุ่มผลไม้ (-54.8%), มันสำปะหลัง (-41.7%), ยางพารา (-37.2%), อาหารสัตว์เลี้ยง (-23.8%) ขณะที่กลุ่มที่ยังมีโมเมนตัมดีคือ ข้าว (+84.6%), น้ำตาลทราย (+44.3%), เครื่องดื่ม (+10.3%), ไก่สดแช่แย็นแช่แข็ง (+55.5%) // ภาพรวมตัวเลขส่งออกเป็นบวกกับหุ้นยานยนต์ แปรรูปเนื้อไก่ ผู้ผลิตน้ำตาลทราย ขณะที่ยังเป็นลบกับกลุ่มอาหารสัตว์ และยางพารา

การเมืองในประเทศเป็นเรื่องของการต่อรอง พรรคเพื่อไทยกลับมามีมติเรียกร้องตำแหน่งประธานสภา โดยจะเจรจากับพรรคก้าวไกลวันนี้ โดยมีข่าวลือเกี่ยวกับดีลลับ หรือการสลับขั้วพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้บรรยากาศการเมืองไม่นิ่งและกระทบกับรรยากาศลงทุนระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตามเรามองการเมืองเป็นเรื่องของการต่อรอง และอำนาจในการเจรจาของพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในฐานะข้อต่อสำคัญของการตั้งรัฐบาล ทำให้อยู่ในจุดที่สามารถเรียกร้องได้ ซึ่งเรามองการได้ที่นั่งกระทรวงสำคัญเพิ่ม จะส่งผลบวกต่อการบริหารเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงของนโยบายที่มีลักษณะต่อต้านทุน (anti-capitalist) เนื่องจากมีโอกาสที่ผลลัพธ์จะประนีประนอมมากขึ้น 
 

กลุ่มประกันระยะสั้นมีความเสี่ยงของการตั้งสำรองการลงทุนที่เกี่ยวกับ STARK ราคาหุ้นกลุ่มประกันลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองเกิดจากแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนไตรมาส 2/66 ที่อาจชะลอลงตามภาวะการลงทุนรวม ขณะที่อาจมีความเสี่ยงการตั้งสำรองหากมีการลงทุนในหุ้น/หุ้นกู้ของ STARK ขณะเดียวกันอาจทำให้ผู้ลงทุนบางรายตัดสินใจขายทำกำไรการลงทุนอื่น เพื่อนำผลกำไรมาชดเชยขาดทุนที่เกิดขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อการรายงานผลประกอบการ ซึ่งหากเป็นไปตามสมมติฐานี้ เราประเมินภาพการลงทุนในสัปดาห์หน้าน่าจะเผชิญแรงกดดันที่ลดลงจากนักลงทุนสถาบัน

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ลงต่อเป็นโอกาสซื้อ ยังคงมุมมอง ระยะ 1-2 สัปดาห์ มีโอกาสฟื้นจากการเมืองในประเทศที่ชัดเจนขึ้นและแรงขายเกี่ยวกับ STARK ที่ลดลง ขณะที่ระยะ 2 เดือน มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน) 

หุ้นแนะนำ: GFPT*, SAMART*, AWC*, BJC*

แนวรับ: 1,466-1,475 / แนวต้าน : 1,500-1,530 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้นในเดือนพ.ค. – โดยพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดลดลง 0.9% โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินและรถยนต์ 

ก.ล.ต.เชือดเพิ่มอีก 14 ราย กรณีปั่นหุ้น 'มอร์รีเทิร์น' - ก.ล.ต.กล่าวโทษบุคคลที่มีส่วนสร้างราคาหุ้นบมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) อีก 14 ราย  จากก่อนหน้านี้กล่าวโทษ “เฮียม้อ-อภิมุข กลุ่มพรประภา” พร้อมพวกรวม 18 รายไปแล้ว ส่งผลมีบุคคลถูกกล่าวโทษรวม 32 ราย

CPNREIT ปิดดีลซีพีเอ็น ต่อสัญญาเช่า - “เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า” และ “เซ็นทรัล พระราม 2” รวมมูลค่าไม่เกิน 25,014 ล้านบาท เผยแผนหาเงินทุนจะผ่านการกู้ยืม และขายหน่วยทรัสต์ไม่เกิน 1,100 ล้านหน่วย พร้อมชงผู้ถือหน่วยพิจารณาในการประชุมฯ วันที่ 31 ก.ค.นี้ 

MINT ฮุบแบรนด์ซิซซ์เล่อร์ -  MINT ประกาศทุ่มเงิน 546 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 100% ในแฟรนไชส์ “แบรนด์ซิซซ์เล่อร์” ทั่วโลก คาดผลตอบแทนลงทุนครั้งนี้เป็นตัวเลข 2 หลัก

Opportunity day: 28 มิ.ย. – SIS, SELIC, PORT, SONIC, PLUS / 29 มิ.ย. – CAZ / 30 มิ.ย. – SPI, SPC, GLORY, SO, BLESS

 

ประเด็นติดตาม: 28 มิ.ย. – Fed Chair Powell Speaks / 29 มิ.ย. – US GDP, Initial Jobless Claims, Pending Home Sales / 30 มิ.ย. – EU CPI, US Core PCE

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)