Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

จากกระแส “Digital Disruption” และ “Digital Transformation” ทั่วโลก ทำให้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของโลก

มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำว่า " Digital Transformation" หรือ "Digital Disruption" เป็นสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ปัจจัยทั้ง 4 ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลดังกล่าวได้แก่ The Four IT Mega Trends in S-M-C-I Era 

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากปัจจัยทั้งสี่ดังกล่าวจึงมีผลกระทบเกิดขึ้นใน 3 ระดับได้แก่ ระดับบุคคลและครอบครัว  ระดับองค์กร และระดับประเทศ ไปถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ (National Security) ปัจจุบันประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีเอกราชและอธิปไตยในดินแดนของประเทศเราในเชิงกายภาพ (Physical) แต่หลังจากระบบอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการติดต่อสื่อสารของคนไทยในหลายปีที่ผ่านมา ตลอดจนความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟน และโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ของคนไทย ทำให้มีการเก็บข้อมูลคนไทยทั้งประเทศไว้ในระบบคลาวด์  โดยส่งผ่านจากทางสมาร์ทโฟนและโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น Facebook, Youtube และ Line  ณ เวลาที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความ ตุลาคม พ.ศ. 2561 มีคนไทยใช้งานสมาร์ทโฟนกว่าหนึ่งร้อยล้านเครื่อง เฉลี่ยใช้งานวันละ 6.3 ชั่วโมงต่อวัน โดยโปรแกรมยอดนิยมคงหนีไม่พ้นสามโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดปรากฎการณ์มหกรรมการเก็บข้อมูลของคนไทยเข้าสู่ระบบคลาวด์ของบริษัทผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าวสืบเนื่องจากการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลายทำให้มีการจัดเก็บเกิดการเก็บพฤติกรรมผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องทั้งที่ผู้ใช้ทราบและไม่ทราบมาก่อน  ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลตำแหน่งการใช้งาน (User Location) , พฤติกรรมการค้นหาข้อมูล (User Search Behavior and Search Keyword) พฤติกรรมการเข้าชมภาพและวิดีโอ ตลอดจนพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ เช่น การจองโรงแรม การจองตั๋วเครื่องบิน ทำให้ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ตกอยู่ในมือของผู้ให้บริการการค้นหาข้อมูล และ ผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

การเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ มีกลไกในการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลของเรา โดยใช้เทคโนโลยี่ Big Data Analytic และ Machine Learning  ทำให้ผู้ให้บริการสามารถล่วงรู้พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต การใช้สมาร์ทโฟน การค้นหาข้อมูล การใช้โปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ การรับรู้ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถทราบถึง "Digital Lifestyle" ของผู้คนอย่างไม่ยากเย็นนักจากข้อมูลที่เราเองเป็นคนใส่ข้อมูลเข้าไปในระบบทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว

Elon Musk แห่ง Tesla เคยเปรียบเปรยไว้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่ใน “Simulation Reality”หรือ  "The Matrix" หลายท่านอาจกำลังนึกถึงนวนิยายไซไฟ แต่จริงๆแล้วเรากำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคนมีความเกี่ยวพันกับ S-M-C-I อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้. ซึ่งเปรียบเหมือนเรากำลังอยู่ใน "สภาวะไซเบอร์" ซึ่งปัจจัยทั้งสี่ S-M-C-I กำลังมีผลกับเราอย่างไม่รู้ตัว โดยปัจจุบันคนไทยมี Facebook Account มากกว่า 52 ล้าน และ LINE Account มากกว่า 40 ล้าน โดยมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องในแทบทุกวัน เรียกได้ว่าเป็น "New Platform" ที่คนไทยกำลังใช้ในการติดต่อสื่อสารกันแทนการใช้งานเทคโนโลยีในอดีต

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

หลายท่านอาจยังไม่ทราบอีกว่า การใช้งานโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือการใช้งาน "Search Engine" ในการสืบหาข้อมูลนั้น หลายครั้งที่เราค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง จากนั้นในเวลาไม่นานนักกลับมีการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆกลับมาหาเราได้อย่างตรงใจเราเหมือนว่าระบบนั้นรู้ใจเราเป็นพิเศษ ซึ่งปรากฎการณ์นี้ เราเรียกว่า "Filter Bubble Effect"  ที่ระบบจะแสดงผลลัพธ์การค้นหาข้อมูล เป็นไปตาม "Digital Lifestyle" ของเรา ยกตัวอย่าง เช่น คนสองคน ค้นหาคำๆเดียวกัน แต่ผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนกัน ท่านผู้อ่านลองค้นคำว่า "Hotel Bangkok" จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์พร้อมๆกัน จะพบว่าระบบจะแสดงผลลัพธ์เสนอโรงแรมมาให้เราเลือกไม่เหมือนกันในเวลาเดียวกัน เป็นเรื่องแปลกแต่จริง      

ปัญหาจากปรากฏการณ์ "Fitter Bubble Effect" ของโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์และโปรแกรมค้นหาข้อมูลต่างๆก็คือ เราจะได้รับข้อมูลที่ต่างจากข้อมูลความเป็นจริง โดยเราจะได้รับข้อมูลที่ตรงกับใจเราเป็นส่วนใหญ่ กล่าวได้ว่าโปรแกรมดังกล่าวก่อให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า "Echo Chamber Effect" คือผลลัพธ์ที่ระบบแสดงออกมามักจะเป็นไปในทางเดียวกัน เช่น เป็น comment เชิงบวกจาก post social ของเรา โดยเราจะไม่ค่อยเห็น post หรือ comment ที่แตกต่างหรือขัดแย้งไปจากความคิดของเรา ทำให้เราไม่สามารถที่จะรับรู้ความจริงที่อาจจะตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ที่เราเห็นในโลกโซเชียลมีเดีย กล่าวได้ว่าโซเชียลมีเดียมีผลต่อการตัดสินใจ ความเชื่อ ความคิด ความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ มีผลกับแบรนด์ มีผลกับชื่อเสียงของบุคคลและองค์กร มีผลต่อความเชื่อถือในผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการต่างๆ เมื่อกระแสพาไป ทำให้คนส่วนใหญ่หลงเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์? Thailand 4.0 จำเป็นต้อง Upgrade Digital Literacy ให้เป็น คนไทย 4.0 ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นการใช้งานโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์จึงจำเป็นต้องใช้งานอย่าง "มีสติ" และ "รู้เท่าทัน" เรียกว่าเราจำเป็นต้องมี "Digital Literacy" ที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่หลงในกระแสโซเชียล ซึ่งไม่ง่ายนักสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะรู้เท่าทันภัยมืดดังกล่าว แม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านบางครั้งยังมีความคิดตามไปกับกระแสโซเชียลอันเชี่ยวกรากเลยด้วยซ้ำไป ประโยชน์จึงไปตกอยู่ในมือผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ และผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโฆษณาโปรโมทสินค้าและบริการ เราจึงมีความจำเป็นต้องเข้าใจในสองปรากฎการณ์ดังกล่าวเพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อความเข้าใจที่เกิดจากการรับรู้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างไม่รู้ตัว

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์? จึงไม่น่าแปลกใจที่อาชีพที่กำลัง Hot Hit ที่สุดใน Silicon Valley ขณะนี้ก็คือ "Data Scientist" และ "Machine Learning Expert" ยกตัวอย่างใน Agoda หรือ Booking ซึ่งเป็นเว็บไซต์และโมบายแอพชื่อดังในการจองโรงแรม กำลังรับสมัครพนักงานในสาขานี้ เพื่อจะได้เสริมกำลังในการนำเสนอโรงแรมให้ตรงกับใจและพฤติกรรมของลูกค้าให้มากที่สุด โดยหลายท่านเคยพบกับประสบการณ์ในการเลือกชมสินค้าซ้ำๆกันหลายครั้งพบว่า หลังจากเข้าไปชม เข้าไปเลือกสินค้าและบริการดังกล่าวหลายครั้ง พอถึงเวลาจะซื้อจริงๆพบว่าราคาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ

แต่หลังจากที่ลองเปลี่ยน Internet Browser พบว่าราคากลับเข้าสู่ราคาปกติ นับเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับ Data Scientist ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ผู้ใช้บริการควรรู้เท่าทันวิธีการดังกล่าว และ ร่วมกันเรียกร้องสิทธิในการนำข้อมูลส่วนบุคคลของเราที่ไม่ควรจะถูกละเมิดไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือนำไปใช้ทางการตลาดโดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบต่อเจ้าของข้อมูลเสียก่อน