ปฏิรูปองค์กรสงฆ์ .. เสริมความมั่นคงพุทธศาสนา !!

ปฏิรูปองค์กรสงฆ์ .. เสริมความมั่นคงพุทธศาสนา !!

อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า “ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา” ดังนี้

อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น
อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา...

เจริญพรสัตบุรุษผู้มีปัญญา.. เมื่อ ๑๓ มิถุนายนที่ผ่านมา ท่านเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยและภริยา เดินทางไปเยี่ยมเยียนอาตมาที่วัดป่าฯ ลำพูน พร้อมร่วมสวดมนต์ทำวัตรและภาวนา ตลอดจนใส่บาตรที่วัดป่าฯ ในยามเช้ากับคณะศรัทธาญาติโยมทางลำพูน นับเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการสืบสานมิตรไมตรีต่อกันระหว่างอินเดียกับพุทธศาสนิกชนชาวไทย ด้วยงานเผยแผ่และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในชมพูทวีปที่สำเร็จได้ ณ เวฬุวันมหาวิหาร ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของท่านทูตอินเดียที่ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลแห่งรัฐพิหาร

งานประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาดังกล่าว ท่านทูตอินเดียใช้คำเรียกว่า “Historic Nature of Veluvana…” ด้วยความประทับใจที่อาตมาพากเพียรต่อสู้มาตลอด เพื่อให้ได้เวฬุวันฯ กลับคืนมาและสำเร็จตามประสงค์ จนสามารถบรรพชา-อุปสมบทได้เป็นอุโบสถแรก เมื่อวันวิสาขบูชาที่ ๒๙ พฤษภาคมที่ผ่านมา... เรื่องดังกล่าวพระมหาเถระที่เป็นประธานในการนำสงฆ์กระทำสังฆกรรม เช่น พระธรรมเมธาจารย์, พระธรรมปาโมกข์ คงจะได้นำเรียนคณะสงฆ์ (ธรรมยุต) และนำกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพื่อกระทำการอนุโมทนาต่อไป...

เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายนที่ผ่านมา เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลา ๑๖.๓๐ น. อาตมาได้รับหนังสือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ของคุณพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เพื่อเปิดเผยข้อมูลวัดในระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัดต่อสาธารณชน มีสื่อทีวีหลายช่องมาร่วมรับฟัง เมื่อชี้แจงแถลงให้ทราบถึงระบบการจัดการของวัดที่สมภารและคณะสงฆ์ต้องทำงานร่วมกันในเชิงนโยบาย และส่งผ่านไปให้คณะกรรมการฯ ไวยาวัจกร ผู้เชี่ยวชาญที่มีจิตอาสาในแต่ละด้าน ดำเนินการไปอย่างเป็นระบบสัมพันธ์กันภายใต้การควบคุมดูแลของคณะสงฆ์ โดยพระภิกษุสงฆ์และสมภารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเชิงธุรกรรมทั้งสิ้น จึงไม่ปรากฏชื่อพระในบัญชีธนาคาร หลักฐานการเงินทั้งหมดในวัดของอาตมาและในวัดสาขาอีก ๔-๕ แห่ง ที่ปกครองดูแลพระภิกษุอยู่ โดยยึดหลักข้อเดียวว่า ห้ามพระรับ หรือให้รับ หรือยินดีในการรับ เงินทองของมีค่าทั้งหลาย.... หากมีผู้ประเคนถวายเพื่อเรียกใช้เป็นกัปปิยภัณฑ์จากไวยาวัจกรที่ถือเงินทองของชาวศรัทธาอยู่ ก็สามารถกระทำได้โดยให้เป็นไปตามพระวินัยที่พุทธานุญาตไว้ ดังปรากฏในเภสัชชขันธกะ ทั้งนี้ให้พระภิกษุยึดมั่นในหลักธรรมมณิจูฬกสูตรที่ทรงแสดงเรื่อง สมณศากยบุตรไม่สมควร.. ไม่ยินดี.. ไม่รับทองเงินด้วยเหตุผลที่ว่า ..ทอง เงิน ควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณควรแก่ผู้นั้น เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินควรแก่ผู้นั้น

ปัญหาในแวดวงสงฆ์เน่าเหม็นมานานและแผ่กว้างไปทั่วจนเกิดพวกทุมมังกุ (หน้าด้าน) ลอยหน้าลอยตาใส่จีวรสวย ครองสมณฐานะเป็นถึงชั้นปกครอง.. สถาบันพระพุทธศาสนาในประเทศจึงไม่สะอาด สวยงาม ดุจดังในอดีต ..เด็กรุ่นใหม่เห็นพระเดินมาเบ้หน้า.. อุทานว่า พระรับเงินหรือเปล่าวะ?.. จึงควรถึงเวลาแล้วที่ควรกล่าวว่า
หากสงฆ์ถึงความพรั่งพร้อม ขอพึงกระทำการสังคายนาองค์กรสงฆ์เถิด
เพื่อชำระมลทินในหมู่สงฆ์ให้สิ้นไป !!!