ตอบโจทย์คำว่ารักด้วยประกันชีวิต

ตอบโจทย์คำว่ารักด้วยประกันชีวิต

ตอบโจทย์คำว่ารักด้วยประกันชีวิต

วลาตัวแทนหรือนายหน้าไปเสนอขายประกันชีวิตหนึ่งในคำถามหรือข้อโต้แย้งที่พบบ่อยๆ ก็คือ “ทำไมต้องทำประกันชีวิต” ถ้าตอบในเชิงวิชาการก็คงไม่พ้นว่า  การประกันชีวิตเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารหรือวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงและช่วยบริหารความเสี่ยงภัยให้กับชีวิตนั่นเอง  แต่ถ้าจะตอบให้มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากขึ้นคงต้องบอกว่าการประกันชีวิตเกิดขึ้น หรือจำเป็นต้องทำเพราะความรัก  ไม่ว่าจะรักตัวเอง  หรือรักครอบครัว  เมื่อมีความรักก็ย่อมมีความห่วงใย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนาคตของลูก การศึกษาของลูกที่จะไปถึงฝั่งฝันเรียนจบปริญญาตรี หรือปริญญาโท  หรือแม้แต่สุขภาพของพ่อแม่ในยามที่ท่านชราภาพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพที่จะตามมานั้นเพียงพอแล้วหรือยัง 

นอกจากนี้ประกันชีวิตยังช่วยเติมเต็มความหวังและความฝัน ในรูปแบบของการสะสมเงินออมอย่างมีวินัยด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน  หรือแม้กระทั่งเป็นหลักประกันความสำเร็จในขณะที่สร้างฐานะความมั่นคงให้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นทรัพย์สินที่สร้างมาจะยังเป็นของครอบครัวเสมอ และชีวิตหลังเกษียณจะเป็นอย่างไร ประกันชีวิตจึงมีความจำเป็นด้วยเหตุและผลของความรัก และ 4 ปัจจัยหลักของชีวิตคนเราที่ว่าด้วย การมีอายุสั้น  อายุยืน  ภาระค่าใช้จ่ายก้อนโต รวมถึงการวางแผนสร้างความมั่งคั่งทางด้านการเงินนั่นเอง 

เมื่อเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตและคิดจะซื้อประกันชีวิตแล้วแต่บางท่านยังมีอุปสรรคในการจัดสรรเงินออมในส่วนนี้  ขอแนะนำให้แบ่งเงินเดือนออกเป็นส่วนๆ ดังนี้ 

50% เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน  แบ่งเพื่อลงทุนและออมทั่วไป 30% ส่วนที่เหลืออีก  10-20% แบ่งมาซื้อประกันชีวิต

สำหรับผู้ที่คิดจะซื้อประกันชีวิตและยังไม่เคยมีประกันชีวิตมาก่อน สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือ ความเพียงพอของความคุ้มครองหรือทุนประกันภัยที่ต้องการ โดยเริ่มจากประเมินความเสี่ยงเทียบกับภาระที่ต้องรับผิดชอบ โดยใช้สูตร ทุนประกันชีวิต = ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในอนาคต เช่น ค่าเล่าเรียนลูกหรือเงินก้อนหากเราต้องจากไปอย่างไม่คาดฝัน – เงินออมปัจจุบัน เมื่อได้ทุนประกันภัยที่ต้องการแล้วลองดูว่าต้องชำระเบี้ยประกันภัยต่อปีเท่าไร เรามีความสามารถในการส่งเบี้ยประกันภัยจนครบอายุกรมธรรม์หรือไม่ เพราะหากเราไม่สามารถส่งเบี้ยประกันภัยได้ในอนาคตต้องยกเลิกกรมธรรม์ เราจะได้เงินคืนน้อยกว่าเบี้ยประกันภัยที่ได้ชำระไป เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารความเสี่ยงภัยและการให้คุ้มครอง ทั้งนี้จำนวนเบี้ยประกันภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ อาชีพ บางแบบประกันภัยเรื่องของสุขภาพก็จะมีผลกับเบี้ยประกันภัยด้วยเช่นกัน

ส่วนการเลือกซื้อแบบประกันชีวิตนั้นควรเลือกแบบประกันให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ เช่น คนโสดที่ชอบลงทุนควรเลือกออมระยะสั้นในแบบสะสมทรัพย์หรือยูนิตลิงค์  หรือคนที่กำลังสร้างครอบครัวที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองและบุตรก็มักจะซื้อประกันสะสมทรัพย์แบบระยะยาว เก็บออมเป็นทุนการศึกษาให้บุตรและซื้อสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในยามที่เจ็บป่วย ฯ (การคำนวณทุนประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมนั้น ส่วนใหญ่จะคำนวณจากทุนประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยหลักและหากจะให้ความคุ้มครองเพียงพอ ทุนประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมจะอยู่ที่ประมาณสองเท่าของทุนประกันภัยหลักเป็นส่วนใหญ่)  ซึ่งแบบประกันภัยแต่ละแบบนั้นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันและถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของบุคคลตามความต้องการของแต่ละช่วงอายุ ดังนั้นจึงควรศึกษาแบบประกันภัยและความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ 

สำหรับการเข้าถึงการประกันชีวิตนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเพียงแค่ต้องการหาข้อมูลหรือสอบถามรายละเอียดก่อนการตัดสินใจก็สามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้งจากตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งหากซื้อผ่านตัวแทนก็ควรจะขอดูใบอนุญาตที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) หรือจะซื้อผ่านโทรศัพท์ ผ่านนายหน้า อย่างเช่นธนาคารก็สามารถทำได้ และปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพียงปลายนิ้วจากโทรศัพท์มือถือ การซื้อประกันชีวิตผ่านช่องทางออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี และเมื่อตัดสินใจแล้วเวลาที่ทำประกันชีวิตอย่าลืมกรอกใบคำขอด้วยตนเอง เพื่อจะได้ทำความเข้าใจพร้อมให้ข้อมูลที่ไม่คลาดเคลื่อนจากความจริง

ทั้งนี้ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางใดก็แล้วแต่สุดท้ายแล้วอย่าลืมเรียกใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง เพื่อเก็บเป็นหลักฐานเช่นเดียวกับการซื้อสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ตามเมื่อได้ทำประกันชีวิตไปแล้วในวันที่ได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิต สิ่งสำคัญที่ควรทำคือศึกษารายละเอียดในแบบประกันภัยที่ได้เลือกไว้  พร้อมกับทำความเข้าใจในเงื่อนไขสัญญา หากพบว่ากรมธรรม์ที่ได้รับไม่ตรงกับความต้องการ  ผู้เอาประกันภัยสามารถยกเลิกกรมธรรม์นั้นได้ภายใน 15 วัน กรณีที่ซื้อผ่านตัวแทนประกันชีวิตและนายหน้า หรือ 30 วัน หากซื้อผ่านการขายทางโทรศัพท์

สำหรับผู้ที่คิดว่า “ประกันชีวิตยังไม่จำเป็น เอาไว้ก่อน ไว้ทำทีหลังเมื่อพร้อม” ก็อยากจะบอกว่า อย่ารอให้ชีวิตพร้อม เพราะถ้ารอให้พร้อมหรือมองว่าประกันชีวิตเป็นเรื่องของนักลงทุน หรือคนรวยเท่านั้นก็จะไม่ได้ทำ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมีและเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ เมื่อมีรายได้ อย่าลืมว่าการมีชีวิตอยู่ของคนเรานั้นย่อมผูกพันธ์กับหลายสิ่งหลายอย่าง  ดังนั้นเริ่มวางแผนประกันชีวิตตั้งแต่วันนี้ เพื่อประกันอนาคตในวันหน้าน่าจะเป็นคำตอบที่ดีสุด