ว่าด้วย “พรรคสิบที่นั่ง”

ว่าด้วย “พรรคสิบที่นั่ง”

เปิดตัวมาแล้ว “พรรคพลังพลเมือง” ทำเอาคอการเมืองร้อง “เฮ้ย..ปูนนี้ยังอยู่อีกเรอะ”

ลำพัง “เสี่ยติ่ง” สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ก็ปาเข้า 70 กว่าปี มาเจอ “เฮียกวง” เกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์, กริช กงเพชร, โชคสมาน สีลาวงศ์ , “เสี่ยเล็ก” มงคล จงสุทธนามณี ฯลฯ

สิริรวมแล้วน่าจะเรียกว่า “พรรคพันปี” หรือ “พรรคกรุแตก” 

ที่ดูหนุ่มแน่นหน่อย ก็มี “เอกพร รักความสุข” ที่ห่างหายไปทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือหลายมหาวิทยาลัย

จริงๆ แล้ว “เอกพร” ไม่ได้วางมือทางการเมือง คนสกลนครทราบดีว่า เอกพรอยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งนายก อบจ.สกลนคร โดยหนุน “ชัยมงคล ชัยรบ” เอาชนะคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย และ นปช. ก้าวขึ้นเป็นนายก อบจ.สกลนคร

นอกจากนี้ เอกพรยังเป็นที่ปรึกษาให้กับ “โกมุท ทีฆธนานนท์” นายกเทศบาลนครสกลนคร

หลายคนสงสัยว่า พรรคนี้เป็น “นอมินี” ของกลุ่มใด? ถ้าดูจากบทบาทของ “เสี่ยติ่ง” ก็เดายากหน่อย เพราะที่ผ่านมา เสี่ยติ่งก็อยู่มาหลายพรรค

เสี่ยติ่งยังเคยร่วมก่อตั้ง “พรรคสามัคคีธรรม” พรรคทหาร รสช. ฉะนั้น พูดยากว่า มางวดนี้เสี่ยติ่งแตะมือกับใครอยู่?

ตอนเลือกตั้ง 2554 เสี่ยติ่งพาเสี่ยเล็ก สวมเสื้อภูมิใจไทยลงสนามเชียงราย

ส่วนเป้าหมายของพรรคนี้คือ เก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยหวังให้ “อดีต ส.ส.” ทั้งหลายลงสมัคร ส.ส.เขต โกยคะแนนให้ได้น้ำได้เนื้อ

เหนืออืิ่นใด แบรนด์ “พลังพลเมือง” น่าจะลดแรงต้านจากประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เมื่อเปรียบเทียบกับเลือกสวมเสื้อแบรนด์ “ปชป.” และ “ภูมิใจไทย” ลงสนาม

ว่ากันตามจริง ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า ยกเว้นพรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่เหลือคงเป็น “พรรคสิบที่นั่ง” เสียมากกว่า

พรรคชาติพัฒนา ไม่ต่างจากพรรคโคราช สุวัจน์ ลิปตพัลลภ คงมุ่งเน้นเนื้อๆ ที่สนามนครราชสีมา 7-8 ที่นั่ง

พรรคชาติไทยพัฒนา คือพรรคสุพรรณ เพราะมี 4-5 ที่นั่งตุนไว้แล้ว ที่เหลือเก็บตกจากอ่างทอง, นครปฐม, อุทัยธานี และศรีสะเกษ คงพอได้ 10 ที่นั่ง

พรรคมัชฌิมา ของสมศักดิ์ เทพสุทิน เขียนแปะไว้เลยพรรควังน้ำยม รวมสุโขทัย, ชัยนาท และราชบุรี น่าจะได้ 7-8 ที่นั่ง ส่วนพรรคพลังชล ก็บอกยี่ห้อว่า พรรคชลบุรี

ฉะนั้น การเมืองยุค 4.0 จะย้อนยุคสู่ 2.0 โดยปริยาย