APAC2017

APAC2017

APAC2017 คืองาน Asia-Pacific Alliances of Coaches เป็นงานโค้ชระดับโลก จัดทุกๆ 2-3 ปีหมุนเวียนกันไป ครั้งนี้เจ้าภาพคือประเทศไทยของเราเอง

“คุณธัญ...”  ปลายสายคือพี่จิมมี่ โค้ชพจนารถ ประธานจัดงาน

“มีเรื่องให้ช่วย ขึ้นเป็น Moderator ช่วง Panel ตอนบ่ายแทนหน่อยได้ไหม” ตรงเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม

คือจริงๆผมมีรับเป็นพิธีกรงานให้พี่จิมมี่อยู่แล้ว กะว่าทำงานนิดหน่อย อ่านปาวๆ ตามสคริปต์ที่มี แล้วจะนั่งตั้งใจฟังปรมาจารย์ทั้งหลาย คราวนี้กลายเป็นขึ้นเวที บทก็ไม่มีต้องอาศัยไหวพริปปฏิภาณอย่างเดียว

“ใครเป็น Panelists บ้างครับ” ผมถามย้อน ซื้อเวลาไปก่อน

“ก็มีพระอาจารย์ท่าน ว. วชิรเมธี  Dr. Marshall Goldsmith แล้วก็ ท่านผู้ว่าแบงก์ชาติ ดร. วิรไท สันติประภพ กับคุณธัญ แค่นั้นแหละ ดำเนินรายการเป็นภาษาอังกฤษหมดนะ” คำตอบง่าย

แค่นั้น! ผมแอบคิดในใจ นี่ไม่ใช่เวทีเสวนาธรรมดาแล้วนะพี่ นี่มันระดับซูเปอร์เสวนา อัจฉริยภาพของชื่อเหล่านั้นไม่ต้องอธิบาย

แต่เผื่อใครไม่คุ้นกับ Dr. Goldsmith ท่านเป็น Executive Coach and Leadership Guru อันดับต้นๆของโลก ผมตั้งใจจะไปพบตัวจริงก็งานนี้แหละ แต่นี่ต้องขึ้นไปสัมผัสต่อหน้าธารกำนัลด้วย

“ได้...ครับพี่” ผมอ้อมแอ้ม งานจะจัดแล้วพรุ่งนี้ ผมเพิ่งบินมาถึงเมื่อคืน

“ไม่เป็นไรหรอก สบายมากพี่เชื่อมือคุณธัญอยู่แล้ว”  พี่จิมมี่ให้กำลังใจ ก่อนจะฮุคว่า “นี่ท่าน ว. ก็ปรารภมาว่ากังวลช่วงเสวนา กลัวได้ Moderator มือไม่ถึง ถามคำถามไม่คม แล้วจะกร่อย” 

อ้าว พี่

สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจว่าจะพยายามทำให้มากขึ้นตั้งแต่ตัดสินใจออกไปทำงานในเอเชีย คือเปิดรับทุกโอกาสที่เข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชีวิตนี้(เริ่มเหลือ)สั้น เกินกว่าจะปฏิเสธสิ่งที่ยังไม่ได้ลอง ดังนั้นจะได้จะเสีย ขอเดินหน้าทำให้ดีที่สุดก่อน

และผมดีใจมากที่ตอบ Yes กับโอกาสครั้งนี้

ข้อคิดสำหรับผู้นำสมอง

1. Positive Energy สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้บนเวทีคือ พลังบวก จากกูรูทั้งสามท่าน

Dr. Marshall ชอบอะไรที่มีชีวิตชีวา นั่งตอบคำถามสองสามข้อเริ่มกระสับกระส่าย สุดท้ายผมเลยโยนหน้าที่ ถามตอบ กับผู้ฟังให้ท่าน เท่านั้นแหละเจ้าตัวกระโดดขึ้นคว้าไมค์ แถมออกไปเดินทั่วห้องเหมือนพิธีกรภาคสนาม 

“พี่ธัญกล้าใช้อาจารย์มาแชลได้อย่างไร”  น้องคนหนึ่งถามอย่างชื่นชม ส่วนท่านผู้ว่า แม้มีอิริยาบถสำรวม สุภาพ หากคนที่อยู่รอบตัวรับรู้ถึงออร่าแห่งความดีงาม ทุกคำตอบสะกดคนฟัง และสร้างความปรีติทั้งคนไทยและต่างชาติทั่วกัน

พระอาจารย์ ว. วชิรเมธี เรียกสิ่งนี้ว่า “พลังบวก” 

“คนใกล้ตัวนะคุณโยมมีสองประเภท คุณรุ่งอรุณ กับคุณสนธยา คนแรกคอยให้กำลังใจ ชี้แนะให้เราก้าวเดินต่ออย่างมั่นคง โค้ชทั้งหลายควรฝึกเป็นอย่างนี้ ส่วนคนที่สองมักบอกเราว่ามันเป็นไปไม่ได้ จะเสนออะไรก็ขัดคอ ผู้นำควรอยู่ในห่างคนเหล่านี้ไว้” 

2. What Got You Here Won’t Get You There ของขวัญล้ำค่าของผมจากการทำหน้าที่นี้ คือการได้พบปะอย่างใกล้ชิดกับอาจารย์ทั้งสามท่าน

แถมได้หนังสือพร้อมลายเซ็นอีกหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ What Got You Here ของ Dr. Marshall กล่าวถึงนิสัย 20 ประการที่ทำให้ผู้นำ ‘ไม่ได้ไปต่อ’ สองข้อซึ่งผมชอบมากคือ “Winning Too Much” ชนะจนเคยตัว กระทั่งการสนทนาก็ต้องแข่งขัน แพ้ไม่เป็นยอมคนอื่นไม่ได้ และ “Adding Too Much Values” การชอบเสริมชอบเติมความคิดผู้อื่น เอาล่ะเจตนานั้นดี แต่นิสัยนี้ทำลายกำลังใจและ ownership ของผู้อื่น

3. Mindfulness พระอาจารย์ ว. ท่านแปลคำว่า Mindfulness สั้นๆ บนเวทีว่า ‘เจริญสติ’ 

ผมฟังแล้วสะดุ้ง เพราะแปลคำนี้เป็นไทยตรงตัวมาตลอดว่าการมีสติ แต่คำว่ามีสติ กับเจริญสติไม่เหมือนกัน  “มี” เป็นแค่การรับรู้ ฝึกตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน แต่คำว่า “เจริญ” แปลว่ารุ่งเรืองงอกงาม 

ดังนั้น Mindfulness ไม่ได้จบอยู่แค่การมีสติกับสิ่งรอบตัว แต่รวมความไปถึงการพัฒนาดูแลสมองให้เจริญเติบโต 

ดร.วิรไท สรุปอย่างน่าคิดว่า การฝึกทำอะไรให้ช้าลงช่วยให้สมองทำงานได้เร็วขึ้น Mindfulness ช่วยให้เราทำงานบนความยุ่งเหยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัดสินใจรวดเร็วและได้ผลลัพธ์ที่ดี 

“อาจารย์ไม่ได้ประจำที่กรุงเทพฯ แล้วหรือครับ”  ท่านผู้ว่าฯ กรุณาสอบถามผมระหว่างยืนอยู่ด้วยกัน

“ผมติดตามคอลัมน์ในกรุงเทพธุรกิจแล้ว ยังนึกว่าอาจารย์อยู่ไทย ยินดีด้วยครับสำหรับโอกาสในเอเชีย”  คนเขียนตัวเล็กๆ ฟังแล้วถึงกับขนลุกซู่

นี่ล่ะครับ ผลของการตัดสินใจด้วย Power of Positive Energy และ Mindfulness!